FORBES_MAY_ISSUE_2024

<h2>‘บมจ.ไซมิส แอสเสท’ หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร กางแผนปี 2564 เดินหน้าเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 6 พันล้านบาท พร้อมประเมินสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ชี้มีผลกระทบระยะสั้น รุกกระจายการลงทุนหลากหลาย ทั้งอสังหาฯ เพื่อเช่าและบริการห้องพัก</h2>
ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ‘บมจ.ไซมิส แอสเสท’ หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า

"ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในปี 2564 คาดว่าจะมีการแข่งขันสูงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบการหลายบริษัทต้องปรับตัวและวางกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่ม Real Demand ที่เป็นผู้ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริง ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการเพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มความคุ้มค่าในการอยู่อาศัย"

บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาโครงการบนทำเลที่มีศักยภาพ ตลอดจนสร้างความแตกต่างของโครงการในแต่ละทำเล ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่ (New CBD) โดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญออกแบบโครงการ พร้อมนำนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มาใช้ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับแต่ละโครงการ และยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี ให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อลงทุนในระยะยาว

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่าจะมีผลกระทบในระยะสั้น อีกทั้งหากประเมินในเชิงธุรกิจ มองว่ายังมีปัจจัยบวก ทั้งการที่เริ่มมีวัคซีนเข้ามาและดอกเบี้ยต่ำลง หลังค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวว่า ในปี 2564 บริษัทฯ วางเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรระดับประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้แตะ 5,000 - 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 7,300 ล้านบาท ในจำนวนนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

&nbsp;

<figure><img class="wp-image-40746" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/ไซมิส-แอสเสท_002.jpg" alt="" width="600" height="320" /><figcaption> ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA</figcaption></figure>

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งมุ่งเน้นทำเลเกาะติดแนวรถไฟฟ้า และมี Real Demand ของผู้อยู่อาศัย ได้แก่ 1) โครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการซื้อที่ดิน และการออกแบบโครงการ และ 2) โครงการ Blossom Condo @ Fashion 3 ย่านรามอินทรา ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท จะพัฒนาเป็น Mixed-use Real Estate ประกอบด้วย โรงแรม ห้องชุดพักอาศัย ห้องชุดแบบมีบริการให้เช่า พื้นที่เชิงพาณิชย์ และห้องประชุมโครงการ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในไตรมาส 1/2564

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีแผนเข้าซื้อ NPA และนำมาพัฒนาต่อเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่โครงการอย่างต่อเนื่อง เน้นทำเลใจกลางเมืองที่มีศักยภาพ เช่น โซนสุขุมวิท โดยมองว่าในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นโอกาสซื้อสินค้าทรัพย์ในราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้บริษัทฯ วางแผนเพิ่มสัดส่วนทรัพย์สิน NPA ในทำเลดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าในอนาคต

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ กระจายความเสี่ยงการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา โดยวางแผนธุรกิจแบบผสมผสานและยืดหยุ่นเพื่อขยายฐานรายได้ประจำ (Recurring Income) ทั้งในรูปแบบอสังหาฯ เพื่อเช่าและบริการห้องพักแบบโรงแรม ปัจจุบันมีโครงการรูปแบบดังกล่าวในพอร์ตกว่า 1,000 ยูนิต

ขณะเดียวกันได้พัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence โดยจัดตั้ง บริษัท ไซมิส แอนด์ คิว กรีน เมเนจเมนท์ คอมพานี ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับกลุ่ม Kew Green Hotels เพื่อรองรับการบริหารธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะ ซึ่งจะนำบริการของโรงแรมชั้นนำระดับโลกหลากหลายแบรนด์ เช่น Wyndham, Ramada, The Crowne Plaza by IHG, Cassia by Banyan Tree เข้ามาบริหารอาคารพักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน ถือว่าเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ โดยตั้งเป้าดึงแบรนด์มีชื่อเสียงเหล่านั้นเข้ามาร่วมขยายโครงการรูปแบบ Branded Residence ตามพื้นที่ชานเมืองหรือจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้กระจายการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food &amp; Beverage) เช่น ร้านกาแฟแบรนด์ Kafeology ร้านอาหารไทย Rosemary เป็นต้น ขยายการลงทุนในธุรกิจสปาและ Wellness Center รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพื่อเข้าลงทุนในโครงการอสังหาฯ ที่มีรายได้จากค่าเช่า เช่น โรงแรม อาคารชุดพักอาศัยพร้อมบริการ (Serviced Residence) อาคารสำนักงานให้เช่า เป็นต้น เพื่อระดมทุนนำมาใช้ขยายธุรกิจ ซึ่งจะต้องประเมินความคุ้มค่าด้านผลตอบแทน

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/wp-admin/admin.php?page=wpseo_dashboard">Mega Trend for Life ก้าวที่ท้าทายของโลกธุรกิจ ตอนที่ 2</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

“ไซมิส แอสเสท” เปิดแผนปี 64 รุกสู่ผู้นำอสังหาฯ ครบวงจร

<h2>‘บมจ.ไซมิส แอสเสท’ หรือ SA เตรียมเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชูจุดเด่นการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินได้ในระยะยาว มุ่งสู่ Top 5 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้บริโภคนึกถึง (Customer choice) ชูจุดเด่นพัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence ยกระดับคอนโดมิเนียม ด้วยการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบครบวงจรด้วยมาตรฐานระดับโลก</h2>
ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอทเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและขยายขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ รองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในอนาคต ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อก้าวเป็น 1 ใน 5 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้บริโภคนึกถึง (Customer choice)

SA ประกอบธุรกิจหลักในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย ประเภทแนวราบ และแนวสูงครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับ อาทิ คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ฯลฯ โดยเน้นการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ บนทำเลที่มีศักยภาพ ตลอดจนสร้างความแตกต่างแก่โครงการในแต่ละทำเล ด้วยการนำนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกมาใช้เพื่อสร้างจุดเด่นแก่โครงการและยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อลงทุนในระยะยาว

ปัจจุบัน บริษัทฯ แบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 3 ประเภท  ประกอบด้วย 1. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย ภายใต้ แบรนด์ The Collection, Siamese Exclusive, Siamese Gioia, Siamese, และ Blossom  2. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า โดยจัดสรรพื้นที่ในโครงการหรือห้องชุดที่มีอยู่มาเป็นพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ และ 3. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการบริการ โดยพัฒนาอาคารในโครงการหรือห้องชุดที่มีอยู่ในโครงการมาให้บริการในลักษณะโรงแรมหรือเซอร์วิส เรสซิเดนซ์ นอกจากนี้ ยังมีบริการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น การบริหารนิติบุคคลอาคารชุด, นายหน้าจัดหาผู้เช่าห้องชุด เป็นต้น

<figure><img class="wp-image-37464 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/ขจรศิษฐ์-สิ่งสรรเสริญ-01.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอทเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA</figcaption></figure>

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ เริ่มพัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence โดยนำบริการของโรงแรมชั้นนำที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ เข้ามาบริหารอาคารพักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายเสมือนพักอาศัยในโรงแรม โดยร่วมมือกับเเบรนด์โรงแรมชั้นนำที่มีมาตรฐานระดับโลก เช่น Wyndham, Ramada และอยู่ระหว่างเจรจากับแบรนด์ The Crowne Plaza by IHG และ แบรนด์ Cassia by Banyan Tree ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น

อีกทั้งสามารถดึงดูดนักลงทุนที่ซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งรูปแบบโครงการยังเอื้อประโยชน์ให้บริษัทฯ สามารถใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รุกเข้าสู่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส (Mixed Use) มากขึ้น โดยมีทั้งส่วนของห้องชุดพักอาศัยเพื่อขายและจัดสรรพื้นที่บางส่วนให้เช่าเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้หลายประเภทภายในโครงการเดียวและบริหารความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ  พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มธุรกิจ Food &amp; Beverage อย่างร้านกาแฟแบรนด์ Kafeology และร้านอาหารไทย Rosemary ให้อยู่ในทุกโครงการ และในอนาคตจะมี Wellness Center เพิ่มเติมอีกด้วย

“ไซมิส แอทเสท เป็นบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเราต้องมีความยืดหยุ่น ดำเนินธุรกิจได้ดีทั้งในภาวะตลาดขาขึ้นและช่วงที่ตลาดชะลอตัว ซึ่งเราได้เริ่มธุรกิจ Branded Residence โดยได้ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม (Hotel License) และให้ลูกบ้านเซ็นยินยอมการพักอาศัยแบบโรงแรมตั้งแต่แรก ทำให้เราสามารถเติบโตได้แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19” ขจรศิษฐ์ กล่าว

<figure><img class="wp-image-37465 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/สุรวัฒน์-สุวรรณยั่งยืน-001.jpg" alt="" width="600" height="396" /><figcaption> สุรวัฒน์ สุวรรณยั่งยืน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชี  SA</figcaption></figure>

สุรวัฒน์ สุวรรณยั่งยืน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชี  SA กล่าวว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แล้วกว่า 20 โครงการ ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 16 โครงการ บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ 4 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 46,000 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ 6 โครงการ อยู่ระหว่างการขายและอยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 โครงการ อยู่ระหว่างการขายและรอการพัฒนา 3 โครงการ และมีโครงการแนวราบที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและขาย 1 โครงการ เช่น คอนโดมิเนียม Siamese Exclusive 31, คอนโดมิเนียม Blossom Condo @ Sathorn-Charoenrat เป็นต้น  ปัจจุบันมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2563 เป็นต้นไป

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้รวม 2,060.6 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้หลักจากการขายอสังหาริมทรัพย์ และมีกำไรสุทธิ  283.9 ล้านบาท จากการที่บริษัทฯ สามารถปรับราคาขายห้องชุดในบางโครงการสูงขึ้นได้ และบริหารจัดการต้นทุนก่อสร้างของโครงการใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคนิคการออกแบบและการก่อสร้างที่ช่วยลดต้นทุน บริหารพื้นที่โครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยภายหลังเสนอขายหุ้น IPO บริษัทฯ มีแผนนำเงินเพื่อใช้ลงทุนขยายกิจการ และนำเงินส่วนหนึ่งไปชำระเงินกู้ ช่วยลดภาระดอกเบี้ยและต้นทุนทางการเงิน

<figure><img class="wp-image-37466 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/เล็ก-0002.jpg" alt="" width="350" height="525" /><figcaption> เล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด</figcaption></figure>

ด้าน เล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ของ บมจ.ไซมิส แอสเสท เป็นที่เรียบร้อย โดย SA ถือเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทย ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง  บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นเป็น Living’s Value Creator หรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างฉับไว สร้างคุณค่าในทุกประสบการณ์ของการอยู่อาศัยและการลงทุน เพื่อเป็น Asset of life  ในการสร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต ด้วยจุดเด่นในการพัฒนาโครงการในทำเลใจกลางเมือง ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ใกล้ระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความคุ้มค่าให้แก่ผู้ซื้อ โดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารและทีมงานในธุรกิจก่อสร้างกว่า 30 ปี

ทั้งนี้ SA มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 961,547,300 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ  961,547,300 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท และจะเสนอขายหุ้ IPO จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 13.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ  ภายหลังการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ ซึ่งจะเท่ากับ 1,111,547,300 หุ้น คิดเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 1,111,547,300 บาท  โดยบริษัทฯ เตรียมจัดโร้ดโชว์แนะนำธุรกิจ กลยุทธ์การเติบโต และแผนขยายการลงทุนให้กับนักลงทุน ในวันอังคารที่ 1 ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ทาง www.iposiameseasset.com ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถนำ SA จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปีนี้

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%9a%e0%b8%b5-%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%97%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%87.html">เอสซีบี ไพรเวทแบงก์กิ้ง ส่ง “Property Backed Loan” รับตลาดผันผวน</a>
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
&nbsp;

‘ไซมิส แอสเสท’ เตรียมเสนอขายหุ้น IPO พร้อมเปิดกลยุทธ์สู่ Top 5 บริษัทอสังหาฯ ไทย

<h2>Siamese Asset จับมือ Wyndham Hotel Group เปิดตัว 4 โครงการนำร่อง โครงการ Branded Residence อสังหาฯ แนวคิดใหม่</h2>
ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานและกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ทั้ง 4 โครงการนำร่องอสังหาฯรูปแบบใหม่นี้หรือเรียกอีกชื่อว่า Branded Residence ซึ่งเป็นโครงการที่มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำมาบริหารและดูแลส่วนกลางตามมาตรฐานของแบรนด์นั้นๆ สำหรับโครงการนี้ Siamese Asset ร่วมมือกับ Wyndham Hotel Group หนึ่งในเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อดูแลและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในส่วนของ Luxury Services"

​“พูดให้เห็นภาพคือ ยกบริการแบบโรงแรมหรู 5 ดาวทั้งหมดมาไว้ที่คอนโดฯ เริ่มตั้งแต่ บริการ Room Service ทั้งทำความสะอาด บริการอาหารและเครื่องดื่ม, Hospitality Lobby, บริการซ่อมบำรุงดูแลส่วนกลางให้สวยงามเสมอ ตลอดจนบริการพิเศษ เช่น บริการนวดหรือสปา บริการรถรับส่งส่วนตัว เป็นต้น"

“นอกจากจะเป็นทรัพย์สินที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้อาศัยในทุกๆ ด้านอยู่แล้วมีความสุข ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับกลุ่มนักลงทุนที่จะได้ทั้งเงินที่เกิดจากส่วนต่างของราคาที่ซื้อและราคาตลาดหรือของคู่แข่งกว่าร้อยละ15-20 และเงินที่ได้จากมูลค่าของทรัพย์สินที่สูงขึ้นอีกในอนาคต รวมทั้ง จะต้องได้ค่าเช่าที่ดีเมื่อปล่อยเช่า” ขจรศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

<img class="alignnone size-full wp-image-36399" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/10/Siamese-Asset_003.jpg" alt="" width="600" height="348" />

โดยทั้ง 4 โครงการประกอบไปด้วย Wyndham Residence Bangkok (Sukhumvit 16) คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น, Wyndham Garden Residence (Sukhumvit 42) คอนโด High Rise สูง 31 ชั้น สไตล์ญี่ปุ่น ที่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีเอกมัยในระยะ 300 เมตร, Ramada Plaza Residence (Sukhumvit 48) คอนโด High Rise สูง 39 ชั้น ตึกที่สูงที่สุดในสุขุมวิท ตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ BTS อ่อนนุช และ Ramada Residence Bangkok (Sukhumvit 87) คอนโด High Rise สูง 25 ชั้น ตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนสุขุมวิทตรงปากซอยสุขุมวิท 87

&nbsp;

Siamese Asset เปิดตัว 4 โครงการนำร่อง Branded Residence

<h2>ไซมิส แอสเสท เตรียมเปิดตัว 3 คอนโดมิเนียมและ Mix-used มูลค่ารวม 1.47 หมื่นล้านบาท วางเป้ายอดขายปี 2561 ไม่ต่ำกว่า 7 พันล้าน เตรียมตัวจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีหน้า</h2>
ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2561 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 3 แห่งรวมมูลค่าประมาณ 1.47 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการเดอะ คอลเลคชั่น สุขุมวิท 16 มูลค่าโครงการ 4.7 พันล้านบาท, คอนโดมิเนียม-ออฟฟิศบิลดิ้งใกล้สถานี MRT รัชดาภิเษก มูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียม-ออฟฟิศบิลดิ้งติดถนนพระราม 9 มูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท

โดยโครงการแรก เดอะ คอลเลคชั่น สุขุมวิท 16 เป็นการแตกแบรนด์ใหม่ของบริษัทเนื่องจากเป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี แปลงที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ ทำเลในซอยสุขุมวิท 16 ห่างจากสถานี BTS อโศกประมาณ 500-600 เมตร ฝั่งตรงข้ามสวนเบญจกิตติ พัฒนาเป็น 2 อาคาร โดยมีอาคารหลักสูง 41 ชั้น ห้องชุดจำนวน 443 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 33-135 ตร.ม. ส่วนอาคารรองจะเป็นตึกเตี้ยซึ่งยังไม่เปิดเผยรายละเอียดฟังก์ชันการใช้งาน

ขจรศิษฐ์กล่าวว่า โครงการนี้มุ่งมั่นให้เป็นคอนโดฯ ระดับไฮเอนด์จึงมีการใช้วัสดุและอุปกรณ์จากต่างประเทศ เช่น ชุดครัว Snaidero จากอิตาลี, เครื่องครัว Kuppersbusch จากเยอรมัน, สุขภัณฑ์จาก Hansgrohe ที่มีการสั่งทำสีพิเศษโรสโกลด์มาใช้ในโครงการ

<figure><img style="width: 638px; height: 638px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c44741526e72867daa64ec16e7d1f20d.jpg" alt="" width="638" height="638" /><figcaption> โมเดลจำลอง โครงการเดอะ คอลเลคชัน สุขุมวิท 16</figcaption></figure>

นอกจากนี้ ในแง่การบริการยังแก้ปัญหาการพักอาศัยของลูกค้าซื้ออยู่เองกับลูกค้านักลงทุนปล่อยเช่า เพราะเดอะ คอลเลคชั่นจะมีการแยกส่วนกลางบางส่วน เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ออกเป็นส่วนของพื้นที่ low zone (ชั้นต่ำกว่าชั้น 20) กับ high zone (ชั้น 20 ขึ้นไป) โดยเน้นให้นักลงทุนปล่อยเช่าลงทุนในชั้น 20 ขึ้นไปเนื่องจากไซมิส แอสเสทจะเสริมบริการกึ่งโรงแรม เช่น รับซักรีด ทำความสะอาดห้อง รูมเซอร์วิส ให้กับพื้นที่ high zone

เดอะ คอลเลคชั่นวางราคาเฉลี่ย 2.4 แสนบาทต่อตร.ม. และเริ่มต้น 6.2 ล้านบาทต่อยูนิต พร้อมการันตีรายได้จากการเช่า (rental yield) 5% 2 ปี โดยมีลูกค้าวางเงินจำนงจองซื้อมาแล้วประมาณ 100 ยูนิต และจะเปิดขายจริงวันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยเอ็มดีไซมิสคาดหวังจะทำยอดขายได้ 60-70% ตั้งแต่วันเปิดตัว

<figure><img style="width: 638px; height: 438px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3221b11574b5d04cfe617a342f296974.jpg" alt="" width="638" height="438" /><figcaption> ภาพจำลอง facade ของเดอะ คอลเลคชัน สุขุมวิท 16 แยกเป็นห้องชุดยูนิตมีระเบียงกับไม่มีระเบียง</figcaption></figure>

สำหรับอีก 2 โครงการเตรียมเปิดตัว ได้แก่ แปลงที่ดิน 2 ไร่ 90 เมตรจากสถานี MRT รัชดาภิเษก มูลค่าโครงการ 4-5 พันล้านบาท วางแผนออกแบบเป็น 3 อาคารผสมผสานตึกเตี้ยและตึกสูง มีทั้งคอนโดมิเนียมเสริมด้วยออฟฟิศบิลดิ้งและส่วนร้านอาหาร คาดว่าจะใช้แบรนด์ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีฟซึ่งราคาอยู่ในช่วง 1.5-2 แสนบาทต่อตร.ม.

อีกแปลงหนี่งเป็น ที่ดินเนื้อที่ 13 ไร่ บนถนนพระราม 9 ระยะห่าง 500 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า รฟม. (รถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี) มูลค่าโครงการราว 8 พันล้านบาท ออกแบบเป็นโครงการ Mix-used คอนโดฯ-ออฟฟิศ-รีเทล เช่นกัน คาดว่าคอนโดฯ นี้จะเป็นแบรนด์ไซมิสซึ่งราคาอยู่ในช่วง 1 แสนกว่าบาทต่อตร.ม.

<figure><img style="width: 638px; height: 425px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4fe6e91ae3f6dccb145cd53048f84a5c.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด</figcaption></figure>

ขจรศิษฐ์กล่าวว่า ปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7 พันล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ราว 4 พันล้านบาทจากคอนโดฯ ที่โอนในปีนี้ เช่น บลอสซัม คอนโด แอท สาทร-เจริญราษฎร์ มูลค่า 2 พันล้านบาท, ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีฟ สุขุมวิท 31, บลอสซัม คอนโด แอท แฟชั่น บียอนด์ (เฟส 2) หากเป็นไปตามเป้า จะเป็นการเติบโตของบริษัทเนื่องจากปี 2560 ไซมิสทำยอดขายได้ 5 พันล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1.6 พันล้านบาท

ทั้งนี้ แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยได้เอเซีย พลัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและจะเข้าไฟลิ่งภายในปี 2562

Forbes Facts
<ul>
 	<li>ก่อนหน้านี้ไซมิส แอสเสทมี<a href="http://www.forbesthailand.com/news-detail.php?did=2029http://www.forbesthailand.com/news-detail.php?did=2029">แผนร่วมทุนกับธนาคาร Standard Chartered Singapore เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานบริเวณถนนรามอินทรา</a> แต่ขจรศิษฐ์กล่าวว่าแผนดังกล่าวถูกชะลอออกไปก่อนเนื่องจากบริษัทเองยังไม่พร้อมลงทุน แต่การเจรจาร่วมทุนกับนักลงทุนรายเดิมยังคงอยู่</li>
 	<li>ไซมิสยังมีการร่วมทุนกับบริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัดในโครงการบ้านเดี่ยวต้านแผ่นดินไหว ไซมิส คิน รามอินทรา 64 ซึ่งเอ็มดีไซมิสยอมรับว่ายอดขายที่เข้ามาค่อนข้างช้ากว่าที่คาดแต่ยังมีดีมานด์เข้ามาต่อเนื่อง</li>
</ul>

ไซมิส แอสเสทเปิด 3 โครงการคอนโดฯ – Mix-used โค้งท้ายปี วางเป้ายอดขาย 7 พันล้าน

<h2>ไซมิส แอสเสทเดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวราบแบรนด์ใหม่ “ไซมิส คิน – SIAMESE KIN” ที่อยู่อาศัยแนวคิด “Smart Living” ที่ผสานเทคโนโลยีการก่อสร้างบ้านแบบ modular จากประเทศญี่ปุ่นต้านทานแผ่นดินไหวได้สูงสุด 350 แกล (7 ริกเตอร์) มูลค่าโครงการกว่า 1 พันล้านบาท มั่นใจสามารถปิดการขายได้ภายปี 2560</h2>
ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างที่สั่งสมมาจาก บริษัท ฤทธา จำกัด ประกอบกับความสำเร็จในการสร้างสรรค์โครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ “SIAMESE – ไซมิส” ล่าสุดบริษัทได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ภายใต้แบรนด์ “ไซมิส คิน – SIAMESE KIN” แบรนด์ใหม่ของบริษัทฯ ซึ่งคำว่า “คิน” มีความหมายว่า “ทองคำ” ในภาษาญี่ปุ่น สื่อถึงคุณภาพของโครงการที่ทรงคุณค่าดั่งทองคำ โดยได้รับการสนับสนุนด้านการตลาดและเทคโนโลยีจาก บริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านระบบ Modular จากประเทศญี่ปุ่น

<img style="width: 680px; height: 456px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d8c10ecfb7ff2b6e13887948febef069.png" alt="" />

โดยบ้านทุกหลังในโครงการ ไซมิส คิน รามอินทรา 64 พัฒนาภายใต้แนวคิด “Smart Living” ที่นำจุดเด่นจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทั้งสองบริษัทมาประยุกต์ เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมในการประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยและป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ตามมาตรฐานระดับโลก

รวมถึงทำเลที่ตั้งบนพื้นที่กว่า 23 ไร่บริเวณซอยรามอินทรา 64 ที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีชมพู  แคราย- มีนบุรี สถานีวงแหวนตะวันออกซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2563 ทางด่วนฉลองรัชหรือทางด่วนเอกมัย รามอินทราที่เชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงวงแหวนรอบนอกตะวันออก (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9) ที่จะทำให้การเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ ออกไปตอนเหนือ หรือภาคตะวันออกก็ทำได้ง่ายไม่แพ้กัน และแหล่งไลฟ์สไตล์อย่างศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ และเดอะ พรอมมานาด รวมถึงโรงพยาบาลสินแพทย์ และพญาไทนวมินทร์ หรือถ้าเป็นสถาบันการศึกษา ก็มีทั้งโรงเรียนสาธิตพัฒนา เลิศหล้า โรงเรียนบดินทร์เดชา 2 เป็นต้น

<img style="width: 680px; height: 455px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7173b4ac807459f2520491cc945dfa20.png" alt="" />

ซึ่งโครงการ ไซมิส คิน รามอินทรา 64 มีบ้านและทาวน์เฮาส์จำนวน 107 ยูนิต แบ่งออกเป็นบ้าน KIN CHOU พื้นที่ใช้สอย 350 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต KIN OKU พื้นที่ใช้สอย 200 ตารางเมตร จำนวน 31 ยูนิต  KIN MAN พื้นที่ใช้สอย 182 – 188 ตารางเมตร จำนวน 28 ยูนิต และทาวน์โฮม KIN SEN พื้นที่ใช้สอย 145 ตารางเมตร จำนวน 36 ยูนิต โดยราคาเริ่มต้นของโครงการอยู่ที่ 5.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมกว่า 1 พันล้านบาท

Katsumi Honma ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมกิจการต่างประเทศ  บริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ในการสร้างบ้านภายในประเทศญี่ปุ่นมากว่า 70 ปี ทำให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ในโครงการ ไซมิส คิน รามอินทรา 64 บริษัทฯ ได้วางรากฐานเทคโนโลยีการก่อสร้างบ้านตั้งแต่โครงสร้างและงานระบบ อาทิ
<ul>
 	<li>โครงสร้างบ้านแบบ Modular ที่ออกแบบโครงเหล็กคุณภาพสูงรองรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ 350 แกล (ประมาณ 7 ริกเตอร์) ตามมาตรฐาน JIS ประเทศญี่ปุ่น พร้อมเคลือบสาร ZAM ที่ช่วยป้องกันสนิมให้กับโครงสร้างเหล็ก สามารถยืดอายุการใช้งานได้นับร้อยปี</li>
 	<li>ระบบผนัง Thermal &amp; Sound Insulated System ผนังป้องกันความร้อนและเสียงรบกวน</li>
 	<li>ระบบหมุนเวียนอากาศ Air Factory ช่วยเติมอากาศบริสุทธิ์และออกซิเจนภายในบ้าน พร้อมการกรองอากาศด้วยฟิลเตอร์ 3 ชั้น อาทิ ฝุ่นละออง สารเคมี กลิ่น เป็นต้น</li>
 	<li>ระบบห้องน้ำแบบญี่ปุ่น ที่มีโครงสร้างเป็นอิสระกับบ้านหมดปัญหาน้ำรั่วซึมสู่ส่วนอื่นๆ</li>
 	<li>ระบบ Solar Power System ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้17,500 บาท/ ปี</li>
 	<li>ระบบความปลอดภัยด้วยระบบประตูบ้านนิรภัยที่เปิดปิดง่ายเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและระบบล็อกจากภายใน 3 ชั้น</li>
 	<li>Home Automation ระบบอัจฉริยะควบคุมการทำงานด้วยโทรศัพท์มือถือ อาทิ ควบคุมการทำงานการเปิดปิดแสงสว่าง ระบบม่านไฟฟ้า ระบบเครื่องปรับอากาศ</li>
 	<li>Floor Service ที่ได้วางงานระบบท่อทุกอย่างใต้พื้นบ้าน ซึ่งถูกยกสูงขึ้นมา 55 เซนติเมตรจากระดับดิน หากต้องการซ่อมแซมท่อในอนาคต ก็สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องทุบพื้น</li>
</ul>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/255549f4908dce96676976f33790666f.png" alt="" />

ขจรศิษฐ์กล่าวเสริมว่า โครงการนี้มุ่งเน้นการสื่อสารเจาะกลุ่มครอบครัวที่มองหาที่อยู่อาศัยที่รองรับนวัตกรรมแห่งอนาคตเป็นหลัก พร้อมทั้งสร้างบ้านนวัตกรรมตัวอย่าง (Pavilion) เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์โดยตรงให้กับลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมภายในโครงการได้เห็นถึงนวัตกรรมสำคัญของบ้าน อาทิระบบการซ่อมบำรุงท่อ และระบบไฟฟ้า ระบบหมุนเวียนอากาศ โครงสร้างเหล็กแบบ Modular ระบบผนัง Insulated ที่มีฉนวนกั้นความร้อนและเสียง เป็นต้น ซึ่งบริษัทคาดว่าโครงการจะเสร็จสิ้นภายในปี 2561 โดยโครงการ ไซมิส คิน รามอินทรา 64 มีกำหนดการเปิดจองอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2560 และมั่นใจว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการภายในปลายปีนี้ และพิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนสมาชิก Exclusive Members กับทางโครงการผ่านทางเว็บไซต์ <a href="http://www.siameseasset.co.th/">www.siameseasset.co.th</a> รับสิทธิ์เข้าชมโครงการก่อนใครในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 พร้อมรับของสมนาคุณพิเศษมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

<img style="width: 680px; height: 455px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/810a7cc43404378c3b0af968fe1c8148.png" alt="" />
<img style="width: 680px; height: 456px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/144590ea7adab41e7552fbfca9b8028c.png" alt="" />

ไซมิส แอสเสท ผนึก เซกิซุย เคมิคอล เปิดโครงการ ‘ไซมิส คิน รามอินทรา’ มูลค่า 1 พันล้าน

เมื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์คือการลงทุนอย่างหนึ่งย่อมแน่นอนว่าปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจได้ชัดเจนที่สุดก็คือความคุ้มค่า ซึ่งเหตุผลนี้เองทำให้ชื่อของไซมิส แอสเสท กลายเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ สำหรับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างเข้าคิวจับจองโครงการต่างๆ ที่พัฒนาโดยบริษัทพัฒนา อสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ โดยไซมิส แอสเสท สามารถสร้างสถิติของโควตายอดขายชาวต่างชาติสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดคือ 49% ได้ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเปิดตัวโครงการ

ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด ได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์และแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ทำให้ทุกโครงการที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้าได้มากถึง 7-11% ต่อปี พร้อมตั้งเป้ารายได้ในปี 60 กว่า 2 พันล้านบาท รวมถึงแผนการนำบริษัทเปิด IPO ในตลาดหลักทรัพย์อีกสองปีข้างหน้านี้

ด้วยประสบการณ์ที่เคยดำรงตำแหน่ง COO ของ บริษัท ฤทธา จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 3 บริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับลักชัวรี่ชั้นนำของประเทศไทยที่ดูแลการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม ที่พักอาศัย และโรงแรมระดับ 5 ดาว มากว่า 30 ปี กระทั่งตกผลึกแนวคิดถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพดีในราคาที่คนไทยสามารถเป็นเจ้าของได้ ขจรศิษฐ์จึงได้ก่อตั้ง บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด ขึ้นในปี 2553 เพื่อพัฒนาและยกระดับอสังหาริมทรัพย์ของคนไทยให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “Asset of Life... สร้างกำไรให้ทุกการใช้ชีวิต” โดยเน้นหนักไปที่โครงการคอนโดมิเนียมรองรับกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ A จนถึง C+ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกกับโครงการไซมิส จอยญ่า (Siamese Gioia) สุขุมวิท 39

กระทั่งในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียม 5 โครงการและบ้านแนวราบ 1 โครงการ มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท โดยเน้นคอนโดมิเนียมทำเลบนถนนสุขุมวิทและอยู่ใจกลางเมือง โดยล่าสุดที่เพิ่งเปิดขายไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือ โครงการไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ 42 ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสเอกมัยและเกตเวย์เอกมัย 300 เมตร ซึ่งเป็นอาคารสูง 31 ชั้น 449 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 185,000 บาท ต่อตารางเมตร

“เราเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่ในพื้นที่ไพร์มแอเรียและเน้นการเพิ่มผลตอบแทนในราคาที่ดีโดยจุดหลักและถือเป็นความพิเศษของเราคือไม่ว่าลูกค้าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าลูกค้าก็จะได้ที่พักอาศัยที่มี
คุณภาพดีในทำเลที่ดี และสิ่งแวดล้อมที่ดี เพราะเราสามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้ในคุณภาพเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า 15 - 20% เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการอื่นในโซนเดียวกัน นอกจากนี้เรายังมีการบริการหลังการขาย ช่วยผ่อนภาระลูกค้าในการดูแลแอสเสทผ่านบริษัท Siamese Hospitality ที่คอยอำนวยความสะดวกดูแลห้องพักในลักษณะเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และบริษัท Siamese Property Service ที่ช่วยบริหารห้องเช่าสำหรับลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี ตามปรัชญาที่เป็นคอร์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจของเราคือ Asset of Life ที่ลูกค้าจะได้ทั้งแอสเสทที่มีคุณภาพดี มาตรฐานสูง ราคาเหมาะสม ในทำเลที่ดีและสามารถทำกำไรได้ 15 - 20% ตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ”

ขจรศิษฐ์ กล่าวต่อไปว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจไซมิส แอสเสท ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาคือการมอบ “ความคุ้มค่า” ให้กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด นั่นคือ การสร้างสินค้าดีๆ ให้กับลูกค้าในราคาที่ดีและสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตซึ่งไซมิส แอสเสท ได้พัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ โดยพนักงานของบริษัทเองถึง 80% มีเพียง 20% ที่บริษัทฯ จ้างเอาต์ซอร์สทำให้กลายเป็นจุดแข็งของไซมิส แอสเสท ที่ใครก็เลียนแบบโมเดลธุรกิจของบริษัทได้ยาก

“เราเติบโตมาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะ 7 ปี ที่ผ่านมาเราลงทุนทั้งในเรื่องของคน การศึกษา การพัฒนาโครงการ จนเราบอกได้ไซมิสเป็นบริษัทอันดับแรกๆ ที่สามารถขายโควตาต่างชาติเต็ม 49% และสามารถส่งมอบโครงการให้กับลูกค้าได้ตามแผนการที่ตั้งไว้ เราแสดงให้เห็นว่าเขามั่นใจเราได้และทำได้ตามที่รับปากไว้กับลูกค้านี่จึงเป็นจุดขายของเราและทำให้บริษัทเติบโต”

<img style="width: 450px; height: 597px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a0343dc1ee860703b3a69b616d24be2d.png" alt="" />

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 นั้นกรรรมการผู้จัดการใหญ่ท่านนี้ได้แสดงทัศนะว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น คนหันมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีผู้เล่นในตลาดมากขึ้นเช่นกัน ไซมิส แอสเสท จึงได้เริ่มเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยพัฒนาโครงการเพื่อรองรับนักลงทุนในหลายๆ ด้าน ซึ่งปีนี้บริษัทจะเน้นการบุกตลาด นักลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ยุโรปและตะวันออกกลาง ผ่านกลยุทธ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โซนไพรม์แอเรียเน้นการสร้างผลตอบแทน ซึ่งบริษัทสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนสูงสุดต่อปีได้มากถึง 7-11% ต่อปี

“ผมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 2,200 ล้านบาท โดยมีแผนยื่นไฟลิ่งปีหน้า และจะทำไอพีโอต้นปี 2562” ขจรศิษฐ์กล่าว “เรามีรายได้เติบโตสองเท่าทุกปี จึงมั่นใจว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าเรามีรายได้อยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท เราเริ่มต้นธุรกิจด้วยการคิดต่างจากคนอื่น เพราะถ้าไม่มีความคิดต่าง เราไปไม่ได้และเราก็จะยังคงพัฒนาและสร้างสรรค์โครงการต่างๆ เพื่อยกระดับที่พักอาศัยตามแนวคิด Asset of Life เพื่อให้ทุกโครงการมี value สูงสุดให้กับลูกค้าตามเป้าหมายที่เราวางไว้ด้วยเช่นกัน”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร: 02 6171555 หรือ <a href="http://www.siameseasset.co.th">www.siameseasset.co.th</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events