ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาฯ ขยับแตกไลน์ธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมในนาม LHMH ดึงนักบริหารมือทองต่อยอดความสำเร็จเทอร์มินอล 21 และแกรนด์เซนเตอร์พอยต์ก้าวข้ามทศวรรษใหม่ พร้อมใช้ตลาดทุนเสริมฐานสร้างชื่อโรงแรมสัญชาติไทยทั่วประเทศ
บนเส้นทางอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความเชี่ยวชาญด้านการเงินและการบริหารของพนักงานบัญชีที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตทำงานภายใต้หลังคาแลนด์แอนด์เฮ้าส์ด้วยความรู้ความสามารถอันโดดเด่นพร้อมสร้างผลงานอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งได้รับรางวัล Best CFO ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง และรับเหมา อย่างต่อเนื่อง 3 ปีซ้อนจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน “หลังจบบัญชี จุฬาฯ เราอยู่บริษัทไฟแนนซ์แค่ 2 เดือนก่อนสมัครงานทำบัญชีกับกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ประมาณ 5 ปีจึงทำงานด้านเครดิตฟองซิเอร์ที่แลนด์แอนด์เฮ้าส์ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประมาณ 10 กว่าปี จนควอลิตี้เฮ้าส์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เราจึงเข้ามาช่วยนำบริษัทจดทะเบียนได้สำเร็จในปี 2534 โดยได้รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการและซีเอฟโอ ทำงานระยะเวลามากกว่า20 ปี จึงเกษียณอายุในปี 2558” สุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) วัย 63 ปีเริ่มต้นเล่าถึงการทำงานตลอดช่วงชีวิตที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่ จากประสบการณ์ที่สั่งสมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และความสามารถด้านการบริหาร ทำให้สุวรรณาได้รับเทียบเชิญให้นั่งเก้าอี้ซีอีโอบริษัทย่อยในเครือของกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ทั้งศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 (Terminal 21) และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ (Grande Centre Point) “การเรียนบัญชี และต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ รวมถึงพื้นฐานครอบครัวทำกิจการค้าขาย ทำให้เราสามารถต่อยอดความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา แม้การทำงานปัจจุบันจะแตกต่างจากงานด้านบัญชีและการเงินที่เป็นเรื่องผลประกอบการปลายทาง ส่วนศูนย์การค้าหรือโรงแรมเป็นรายได้ต้นน้ำ แต่เราสนุกที่ได้เรียนรู้และติดตามสถานการณ์ เวลาเราจับเรื่องอะไร เราต้องรักในงานนั้นก่อนและพยายามครีเอท 1+1 ผลลัพธ์ต้องได้มากกว่า 2” กลยุทธ์การบริหารโรงแรมในเครือของสุวรรณาจึงเน้นไปที่การต่อยอดวิธีคิดใหม่ในการดำเนินธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการบริการและคำนึงถึงความคุ้มค่า ในคอนเซปท์ “Grande your stay” ด้วยการลงทุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ประทับใจในการเข้าพักมากที่สุด เช่น การเป็นโรงแรมแห่งแรกที่ให้บริการ Internet Wi-Fi ฟรีทุกพื้นที่ของโรงแรม การให้บริการมินิบาร์ฟรีในห้องพักทุกวัน และการจัดน้ำดื่มให้บริการจำนวนมากกว่าโรงแรมอื่นเท่าตัว “เรากล้าพูดว่าเราเป็นแบรนด์คนไทย top 5 ไม่รวมเชนจากต่างประเทศที่บริหารแบบมืออาชีพ โดยตั้งธงว่าเราเป็นแบรนด์คนไทยที่ต้องการให้ลูกค้ามีประสบการณ์สัมผัสความเป็นไทยผ่านการออกแบบ วัฒนธรรมการบริการ และอาหารไทย รวมทั้ง การทำให้ลูกค้าเข้าถึงเราได้ง่ายและสะดวกขึ้นผ่านเทคโนโลยีเช่นเดียวกับธุรกิจทั่วโลกโดยเราได้ปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ให้สามารถใช้งานได้ง่าย”REIT หนุนลงทุนต่อเนื่อง
ภายใต้โจทย์ธุรกิจที่ได้รับในการทำให้บริษัทย่อยในกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมต่อยอดความแข็งแกร่งด้านการเงินและการลงทุนผ่านทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ได้แก่ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 (LHSC) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) ประกอบด้วยโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ อโศกและราชดำริ โดยมีโรงแรม แกรนด์เซนเตอร์ พอยต์ เพลินจิต เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ LHPF-II สุวรรณากล่าวถึงแผนขยายฐานธุรกิจผ่านตลาดทุนโดยเตรียมนำโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 เข้ารวมในทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอชโฮเทล ช่วงปลายปีนี้ ส่วนโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในเครือที่ขยายออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ และกำลังจะเปิดตัวในปีนี้น่าจะสามารถนำเข้ากองทุนหลังจากดำเนินการสร้างรายได้ประมาณ 3 ปี โดยสุวรรณามั่นใจในจุดเด่นของโรงแรมที่อยู่ติดกับศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยาทำเลพัทยาเหนือ “แม้การแข่งขันในพัทยาจะรุนแรง แต่10 ปีทำให้เรารู้ position ตัวเอง กลุ่มลูกค้าและคู่แข่งของเราเป็นใคร ซึ่งโมเดลการบริหารที่พัทยาจะคล้ายกับกรุงเทพฯ โดยศูนย์การค้าจะเป็นตัวเสริมให้โรงแรมมีศักยภาพมากขึ้น” นอกจากนั้น บริษัทยังเดินหน้าแผนการลงทุนโรงแรม และศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่องรวมงบลงทุนราว 1.8 หมื่นล้านบาทในปี 2562-2564 โดยเริ่มจากศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พระราม 3 (Terminal 21 Harbor RAMAIII) และแผนการเปิดโรงแรมปีละแห่งทั้งกรุงเทพฯ และในจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว รวมถึงอาคารสำนักงานให้เช่าซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจและศึกษาที่ดินทำเลทองใจกลางเมือง ด้านการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศสุวรรณาให้ความสนใจประเทศในกลุ่มอาเซียนที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มการเติบโตเช่น กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มแอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล ประกอบด้วย ศูนย์การค้าเทอร์มินอลอโศก และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์4 แห่ง ได้แก่ ราชดำริ เทอร์มินอล 21 เพลินจิต และสุขุมวิท 55 รวมถึงแผนเปิดเทอร์มินอล พัทยา และโรงแรมแกรนด์เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา รวมโรงแรมในกลุ่ม 5 แห่ง จำนวนห้องพักกว่า 2,100 ห้องสำหรับรายได้รวมเฉพาะกลุ่มโรงแรมประมาณ 2.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 30% และอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 85% โดยคาดว่ากลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ จะยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีนี้ จากภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมที่มีแนวโน้มการเติบโตดี ด้วยเป้าหมายรายได้ปีนี้ประมาณ 2.4 พันล้านบาท ซึ่งมีฐานลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ เกาหลี รวมถึงไต้หวัน มาเลเซีย พร้อมทั้งคาดว่าจะมีลูกค้าจากภูมิภาคอื่นเพิ่มขึ้น เช่น สหรัฐอาหรับ-เอมิเรตส์และสหรัฐอเมริกา “สัดส่วนจากโรงแรมในปัจจุบันยังมากกว่าศูนย์การค้าประมาณ 90:10 เนื่องจากศูนย์การค้าของเรายังมีแห่งเดียวและนำเข้ากองทุนแล้ว จึงมีรายได้เฉพาะจากการบริหารแฟชั่นไอส์แลนด์ เดอะพรอมานาด และเทอร์มินอล นครราชสีมาซึ่งปลายปีนี้จะมีการเปิดเทอร์มินอล พัทยาและยังไม่นำเข้ากองทุน จะทำให้รายได้จากศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นเป็น 40:60” ขณะที่หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ไปถึงเป้าหมายในมุมมองของซีอีโอมือทองอยู่ที่บุคลากรภายในและภายนอกองค์กร โดยเฉพาะพนักงานในศูนย์การค้าและโรงแรม ซึ่งต้องมีใจรักงานด้านการบริการหรือ service mind เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีตามความคาดหวังและสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงการฝึกอบรมเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานและถ่ายทอดทักษะความรู้ระหว่างพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ “โรงแรมและศูนย์การค้ามีพนักงานรวมกันมากกว่า 600 คน และจะเพิ่มเป็น 700 คนในสิ้นปีนี้ โดยเราเน้นการดูแลพนักงานทุกคนให้อยู่เย็นเป็นสุขทั้งรายได้สุขภาพกายใจ สันทนาการ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบพี่น้อง รวมถึงการเทรนนิ่งพัฒนาคุณภาพ เพื่อให้มีความพร้อมบริการลูกค้าได้เป็นอย่างดี” ภาพ: อรรคพล คำภูแสนคลิกอ่าน "สุวรรณา พุทธประสาท ปั้นโรงแรมแบรนด์ไทยเครือ LH" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine