James Dong ซีอีโอป้ายแดงแห่ง LAZADA Thailand เป็นหนุ่มร่างสูงที่มีรูปลักษณ์คล้ายหนุ่มนักบริหารคนไทยมาก แต่เขาคือคนหนุ่มรุ่นใหม่จากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มาพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง
ซีอีโอหนุ่มวัย 39 ปี ผู้นี้มีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา ร่ำเรียนมาทางด้านวิศวกรรมและเป็นศิษย์เก่า MBA ในรั้วการศึกษาชั้นนำของโลกอย่าง University of Cambridge เป็น young blood แห่ง อาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์อี-คอมเมิร์ซชื่อกระฉ่อนโลกของมหาเศรษฐี Jack Ma Dong เรียนรู้งานด้านการพัฒนาธุรกิจในอาลีบาบามากกว่า 4 ปี แม้จะเป็นเวลาไม่นาน หากเขาก็เก็บเกี่ยวความเชี่ยวชาญในโลกดิจิทัลออนไลน์ช็อปปิ้งในระดับที่ถูกวางตัวให้ขึ้นมาเป็นซีอีโอของ LAZADA Thailand ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอี-คอมเมิร์ซเบอร์ 1 และเป็นขุมทรัพย์สำคัญของ “อาลีบาบา กรุ๊ป” เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ “น่าสนใจ” ท่ามกลางการขับเคี่ยวในสมรภูมิอี-คอมเมิร์ซที่ดุเดือด “ผมรู้ล่วงหน้าไม่กี่วันว่าต้องมารับตำแหน่งซีอีโอ LAZADA Thailand ซึ่งผมดีใจมากขายอะพาร์ตเมนต์ ขายรถทันที เพื่อมาเริ่มงานที่นี่ และตอนนี้ผมกำาลังมองหาอะพาร์ตเมนต์ที่นี่อยู่” เขาเล่าพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อถูกยิงคำถามว่ารู้ล่วงหน้านานแค่ไหนว่าต้องมากุมบังเหียนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในตลาดที่อาลีบาบายกให้เป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคนี้ก่อนมาร่วมงานกับอาลีบาบา กรุ๊ป “ตอนอยู่อาลีบาบา หนึ่งในหน้าที่ต้องทำคือการดูแลอี-คอมเมิร์ซในตลาดต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น LAZADA, Tmall และอีกหลายแบรนด์ที่อาลีบาบาเป็นเจ้าของอยู่จะเน้นดูแลกลยุทธ์ของการทำอี-คอมเมิร์ซในระดับโลกของอาลีบาบาเป็นหลัก”ไทยเปรียบดั่ง “เพชรงาม”
Dong บอกว่า หากมอง LAZADA ไทยในสายตาของคนภายนอก จะรู้ได้ทันทีว่า LAZADA เป็นบริษัทที่สำคัญมากสำหรับอาลีบาบา ถ้ามองเป็นเพชร 1 เม็ด LAZADA เป็นเพชรที่สำคัญที่สุดของอาลีบาบาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ตัวบริษัทแบรนด์ อิมเมจ การทำแบรนด์ดิ้งต่างๆ ของ LAZADA ค่อนข้างชัดเจน และมีความสำคัญกับอาลีบาบามาก ทั้งนี้ ซีอีโอวัย 39 ปี ดูเหมือนจะแอบทึ่งเล็กๆ ที่คนไทยเป็นชนชาติที่ใช้เวลาบนออนไลน์มากที่สุดติดอันดับโลก เวลาส่วนใหญ่จะใช้อยู่บนโซเชียลเน็ตเวิร์กซึ่งเหนือกว่าคนจีนแต่กลับยังช็อปปิ้งออนไลน์ไม่มากเท่าคนจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ตัวเลขล่าสุดที่เขามีข้อมูลคนไทยนิยมช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นแล้วพร้อมๆ ไปกับการใช้เวลาอยู่บนออนไลน์เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน “คนไทยเรียกได้ว่าเป็น super fans ใช้เวลาบนโลกออนไลน์เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นบน Instagram, Facebook เราเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นในปีที่ผ่านมามีการช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นหนึ่งในกลยุทธ์ของ LAZADA คือการเข้าไปเติมเต็มการทำงานร่วมกับแบรนด์สินค้าและบริการในแบบเอ็กซ์คลูซีฟมากขึ้น รวมถึงการหันไปทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลเช่น Instagram เราดึงอินฟลูเอนเซอร์ที่ขายสินค้าบนโซเชียลมาขายบนแพลตฟอร์ม LAZADA” ซีอีโอหนุ่มขยายความยาวๆ ถึงกลยุทธ์การร่วมกับแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ซึ่งเขาเชื่อว่าจะสร้างผลดีให้กับแบรนด์และลูกค้า เมื่อถามถึงเป้าหมายหลังรั้งตำแหน่งสูงสุด Dong ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ผมเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายในระยะสั้นผมจะมองอะไรที่ไกลๆ และการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าคือสิ่งสำคัญมาก ถ้ามอง LAZADA กับคู่แข่งคนอื่น คู่แข่งคนอื่นจะเปลี่ยนทุกปี แต่สำหรับ LAZADA เราลงทุนหลายเรื่องที่คู่แข่งไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นคลังเก็บสินค้า การดูแลลูกค้า บริการลูกค้าที่ดีเยี่ยมที่คู่แข่งไม่สามารถทำในสเกลใหญ่แบบเราได้ LAZADA อาจไม่ได้ลงทุนเรื่องการโปรโมท การทำพีอาร์ หรือการตลาดอะไรมากมาย เพราะผมเชื่อและมั่นใจว่าถ้าเรามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ลูกค้าจะเป็นคนแนะนำคนอื่นให้มาใช้บริการของเราต่อไป สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องทำต่อไปเรื่อยๆ” ที่ผ่านมา LAZADA ใส่เม็ดเงินลงทุนระบบหลังบ้านและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ต่อเนื่องทั้งศูนย์กระจายสินค้า รถขนส่งสินค้า ระบบการชำระเงิน รวมทั้งเรื่อง Customer Service อีกเป้าหมายสาคัญของผู้บริหารหนุ่มผู้นี้คือต้องการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ของอาลีบาบามาใช้ในไทยด้วย เพื่อเปิดโอกาสความร่วมมือที่กว้างขึ้นระหว่างออฟไลน์รีเทล ให้ทำงานร่วมกับ LAZADA ได้อย่างไร้รอยต่อสิ่งที่ Dong ตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้นในไทย ภาพ: มังกร สรพลคลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ "James Dong เสริมเขี้ยวเล็บ LAZADA ย้ำเบอร์ 1 ยักษ์อี-คอมเมิร์ซไทย" ได้จากนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2561