อรุษ นวราช : จากวิศวกรเคมีสู่เกษตรกรอินทรีย์ - Forbes Thailand

อรุษ นวราช : จากวิศวกรเคมีสู่เกษตรกรอินทรีย์

เมื่อเงินเดือนและความเจริญเติบโตทางหน้าที่การงานในบริษัทชั้นนำของประเทศ ไม่ใช่ดัชนีชี้วัดความสุขของ “อรุษ นวราช” อีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจหันหลังให้ป่าคอนกรีต มุ่งหน้าสู่สามพราน จ.นครปฐม กลับบ้านที่เขาคุ้นเคย รับไม้ต่อกิจการ “สามพราน ริเวอร์ไซด์” พร้อมปลุกปั้น “สามพรานโมเดล” ทำเกษตรอินทรีย์ให้เป็นวิถีชีวิตและธุรกิจที่ยั่งยืน

หลังจากจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมเคมีจาก Imperial College London ประเทศอังกฤษ เขากลับกรุงเทพฯ ทำงานให้บริษัทหลักทรัพย์และบริษัทน้ำมันรายใหญ่ ตั้งเป้าหมายในชีวิตขึ้นเป็นผู้บริหาร จนราวปี 2540 ได้ย้ายไปทำงานที่ อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ที่นี่เขาได้พบ Harald Link มหาเศรษฐีเยอรมัน สัญชาติไทย เจ้าของบริษัท ผู้จุดประกายความชอบด้านสมุนไพรและแพทย์ทางเลือกให้เขา แม้การงานและการเงินจะก้าวหน้า แต่นั่นไม่ใช่หนทางแห่งความสุขของชายหนุ่มอีกต่อไป ปี 2549 อรุษตัดสินใจลาออกจากงานแล้วกลับบ้านไปช่วยมารดาคือ “สุชาดา ยุวบูรณ์” บริหารโรส การ์เด้น (เดิมคือ “สวนสามพราน”) หลังประสบปัญหารายได้ลดลงมาก แม้ว่าจะจ้างเชนโรงแรมต่งชาติมาช่วยบริหารก็ตาม ผู้บริหารหนุ่มจึงได้โอกาสเดินหน้าความสนใจเรื่องสมุนไพรและสุขภาพ นำผักผลไม้ปลอดสารพิษมาเป็นวัตถุดิบในห้องอาหารของโรงแรม เมื่อที่ดินของครอบครัวในอีกฝั่งแม่น้ำ 30 ไร่ยังคงสภาพเป็นสวน เขาจึงพัฒนาให้กลายเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ นอกจากจะเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบให้ครัวของโรงแรม ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบเกษตรอินทรีย์ที่หาดูได้ยากในกรุงเทพฯ เมื่อเพาะปลูกได้ไม่พอกับความต้องการ อรุษจำเป็นต้องติดต่อเกษตรกรจากชุมชนรอบๆ ให้ปลูกผักผลไม้ป้อนโรงแรม แต่อุปสรรคใหญ่คือชาวบ้านอยู่กับเกษตรกรรมแบบพึ่งพาสารเคมีมายาวนาน เพราะต้นทุนถูกกว่าและมีตลาดรองรับกว้างขวาง ชายหนุ่มจึงคิด “สามพรานโมเดล” ขึ้นเป็นโครงการรองรับเกษตรอินทรีย์ พร้อมรับซื้อ และช่วยจัดหาช่องทางการตลาด แต่ในวันแรกที่นัดหมายเกษตรกรมาพูดคุย กลับโดนยิงคำถามอย่างหนัก เพราะชาวบ้านเหล่านี้มีบทเรียนจากภาครัฐมาแล้ว ที่เคยทุ่มงบช่วยเหลือเกษตรอินทรีย์ แต่พอหมดงบก็จบโครงการไม่มีการสานต่อจนสำเร็จ “เขาบอกว่าสวนสามพรานมีเงินอยู่แล้ว จะมาทำเรื่องนี้ทำไม จะจริงจังแค่ไหน แต่หลังจากได้คุยกันมากขึ้น ผมก็บอกว่า สิ่งที่อยากทำคือยกระดับ อ.สามพราน ดึงภูมิปัญญาท้องถิ่นเรื่องเกษตรอินทรีย์เป็นจุดขาย ช่วยกันสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนบนวิถีชีวิตแบบไทยๆ ถ้าเราสร้างให้แข็งแกร่ง การท่องเที่ยวก็จะตามมา ผมมองว่าเราสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งโครงการจากภาครัฐมากนัก” อรุษ ในวัย 46 ปี กรรมการผู้จัดการสามพราน ริเวอร์ไซด์ กลับมาอยู่ท่ามกลางอาณาจักรและธุรกิจของครอบครัว ท่ามกลางเพื่อนบ้านเกษตรกรนับร้อยครัวเรือนในนครปฐม ที่กว่าจะมาถึงวันนี้ เขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ว่าเขาจริงใจกับการทำ "สามพรานโมเดล" อย่างแท้จริง  

สรุปและเรียบเรียงจาก "อรุษ นวราช: จากวิศวกรเคมีสู่เกษตรกรอินทรีย์", Forbes Thailand ฉบับ JULY 2014