สราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ พา สเนลไวท์ แจ้งเกิด ดู เดย์ ดรีม ในสงคราม (ครีม) ผิวขาว - Forbes Thailand

สราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ พา สเนลไวท์ แจ้งเกิด ดู เดย์ ดรีม ในสงคราม (ครีม) ผิวขาว

FORBES THAILAND / ADMIN
30 Aug 2018 | 09:30 AM
READ 19153

น้องใหม่ในทำเนียบการจัดอันดับ 50 เศรษฐีไทย สราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ เจาะตลาดกระแสอยากขาวในไทยจนเป็นที่มาของบริษัทมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท

การท่องเที่ยวของไทยปี 2560 บูมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์กว่า 35 ล้านคนโดยจำนวนกว่า 1 ใน 4 เป็นนักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งใช้จ่ายรวมกันเป็นเงินราว 5.12 แสนล้านบาทเข้าสู่เศรษฐกิจไทย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบรนด์ไทยอย่าง Namu Life SnailWhite เกาะกระแสท่องเที่ยวบูมด้วยสินค้าหลากหลายทั้งครีมบำรุงผิวหน้า ครีมกันแดดและเจลอาบน้ำ ในบรรจุภัณฑ์สีขาวล้วนอันเป็นสัญลักษณ์ วางขายอย่างโดดเด่นที่ร้านค้าปลอดภาษีของสนามบินสุวรรณภูมิ แม้ชื่อจะไม่ชวนใช้เพราะมีส่วนผสมหลักจากเมือกหอยทาก แต่ SnailWhite เป็นที่ฮอตฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน รวมทั้งสาวๆ ชาวไทยที่พากันประทินผิวด้วยครีมหอยทากที่อุดมด้วยคอลลาเจนและว่ากันว่ามีคุณสมบัติในการชะลอวัยได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ SnailWhite ยังมีส่วนผสมของสาร Alfa Arbutin สารสกัดจากผล bearberry ที่มีสรรพคุณทำให้ผิวขาวสว่าง กระแสอยากขาวเป็นหัวข้อที่เป็นที่ถกเถียงกันในโลกตะวันตกแต่ในประเทศไทยรวมทั้งหลายประเทศในเอเชีย กระแสนี้มาแรงไม่มีตก ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Nielsen ระบุว่าครีมบำรุงผิวขาวทำยอดขายกว่าครึ่งของตลาดครีมบำรุงผิวหน้ามูลค่า 1.02 หมื่นล้านบาทของไทย “ครีม SnailWhite ทำให้ผิวคุณกระจ่างใสได้จริง” คำยืนยันจาก สราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ ดู เดย์ ดรีม เจ้าของผลิตภัณฑ์ครีม SnailWhite เขาเป็นผู้หนึ่งที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นประจำและยืนกรานให้ผู้บริหารคนอื่นๆ ใช้ด้วย ต้องยอมรับว่าเขาดูอ่อนกว่าอายุจริงคือ 41 ปี เป็นนายแบบให้แบรนด์ตัวเองได้สบายๆ ปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ หรือ พีท ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน กล่าวว่าเจ้านายของเขาไม่ได้ดูแก่ลงแม้แต่วันเดียวหลังจากที่พวกเขาพบกันครั้งแรกเมื่อ 5 ปีก่อน สราวุฒิ ติดรายชื่อทำเนียบ 50 เศรษฐีไทยประจำปี 2018 ที่จัดโดย FORBES ในอันดับที่ 45 พร้อมด้วยทรัพย์สิน 2.16 หมื่นล้านบาท หลังพาบริษัทที่เปิดดำเนินการมานาน 8 ปีเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 4.16 พันล้านบาท ราคาหุ้นของดู เดย์ ดรีม ซึ่งกว่า 2 ใน 3 ถือโดยสราวุฒิและครอบครัว ทะยานขึ้นร้อยละ 82 นับตั้งแต่เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรก (IPO) มูลค่าตามตลาดของบริษัท ณ ตอนนี้อยู่ที่เกือบ 3.2 หมื่นล้านบาท หรือกว่า 18 เท่าของยอดขายประจำปีที่ 1.73 พันล้านบาท “ช่วงที่เราทำโรดโชว์เสนอข้อมูลแก่นักลงทุน มีแต่คนถามว่าราคาสูงไปไหม เพราะเราตั้งราคาพรีเมียมคือสูงกว่าค่า Trailing P/E 54 เท่า แต่บริษัททำได้ดีกว่าที่เราคาดไว้มาก” พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.บัวหลวง กล่าว บมจ.บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) ของดู เดย์ ดรีม ด้าน สรพล วีระเมธีกุล นักกลยุทธ์และหัวหน้าฝ่าย Digital Research บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดว่าแนวโน้มนี้จะยังดำเนินต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยหลักจากยอดส่งออกไปยังจีนซึ่งเติบโตต่อเนื่อง (บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและประกันการจำหน่ายหุ้น DDD) สรพลระบุว่าตลาดครีมบำรุงผิวในประเทศจีนมีมูลค่าราว 9.6 แสนล้านบาท หลังพยายามเจาะตลาดจีนเป็นเวลา 2 ปี ผ่านช่องทางออนไลน์ที่จำกัดไม่นานมานี้ ดู เดย์ ดรีม เพิ่งได้รับใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยาของจีน ทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดผ่านผู้จัดจำหน่ายในท้องถิ่น สราวุฒิกล่าวว่าเขาวางแผนจะขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค “เรามองเห็นโอกาสภายนอกแน่นอนที่จีน และรวมถึงประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ด้วย” เขากล่าว และเพิ่มเติมว่าขณะนี้เฉพาะแค่จีนก็ทำรายได้ให้บริษัทมากถึงร้อยละ 30 แล้ว สราวุฒิมาจากครอบครัวที่ประกอบธุรกิจผู้ผลิตสีพ่นรถยนต์ มีพี่น้อง 3 คน หลังเรียนจบด้านบริหารธุรกิจ (รวมทั้งระดับปริญญาเอก) จากมหาวิทยาลัยในไทยเขาไปช่วยงานครอบครัวในตำแหน่งผู้จัดการโรงงานก่อนจะไปทำหน้าที่ผู้บริหารระดับสูงแต่สราวุฒิซึ่งชื่นชอบการอ่านการ์ตูนจากค่าย Marvel อยากแยกตัวออกไป “ผมมีความฝันของผม” ช่วงแรกเริ่มเขาเป็นผู้ผลิตรับจ้างให้กับสินค้าบำรุงผิวแบรนด์เล็กๆ และยังคงเจียดเวลาช่วยงานธุรกิจครอบครัวไปด้วย หลังจากสังเกตว่าตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั้งระดับพรีเมียมและระดับมวลชนเป็นตลาดที่มีผู้เล่นมาก เขาจึงมองเห็นช่องว่างสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่มแบบไทยๆ ซึ่งเขาเรียกว่า ผลิตภัณฑ์ “มวลชนระดับพรีเมียม” สราวุฒิได้ไอเดียจากครีมหอยทากซึ่งเป็นที่นิยมมากในเกาหลีใต้แต่ยังไม่มีการทำตลาดเข้ามาในไทย “ผู้บริโภคไทยเห็นว่าครีมของเกาหลีมีความมันและข้นเกินไป” เขาอธิบาย ดังนั้นเขาจึงพัฒนาครีมที่มีเนื้อเบากว่าโดยใช้เมือกหอยทากนำเข้าจากเกาหลี ทำให้ได้ครีมที่ซึมซาบสู่ผิวได้เร็วกว่าและเหมาะกับอากาศชื้นในประเทศไทย นอกจากนี้เขายังเติมสารบำรุงผิวขาวลงไปด้วย “เราใช้เวลาพัฒนา 8 เดือนเต็ม ได้ครีมอย่างน้อย 100 สูตรกว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบ” เขาย้อนความหลัง กลุ่มเป้าหมายของ SnailWhite ซึ่งได้แก่ ผู้หญิงอายุ 25-35 ปีไม่ชอบใจนักกับความคิดในการโปะครีมหอยทากลงบนผิว สราวุฒิเริ่มแจกตัวอย่างให้บรรดาบล็อกเกอร์ด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์เพื่อให้พวกเขาเขียนเล่าประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์เขาใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางในการทำตลาด รวมทั้ง Facebook และ Instagram ในเวลาไม่กี่เดือน SnailWhite ก็เป็นกระแสฮือฮาทางอินเทอร์เน็ตเขาต้องรับมือกับสินค้าปลอมที่มีผู้วางจำหน่ายในตลาด ปีแรก SnailWhite ทำยอดขายออนไลน์ได้ถึง 96 ล้านบาท ปี 2558 เขาลาออกจากธุรกิจครอบครัวมาให้เวลากับบริษัทของตัวเอง ปีเดียวกันนั้นได้ขยายไลน์สินค้าโดยเพิ่มครีมกันแดดและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ตลอดจนสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางเหนือราว 80 กิโลเมตร ถึงวันนี้มีร้านค้าเพียงแห่งเดียวที่เป็นของบริษัทในกรุงเทพฯ สราวุฒิกล่าวว่าเขาต้องการใช้เงินในการโฆษณาตามป้ายเพราะ “ลูกค้าของเราต้องเดินทางไปทำงาน” แต่เขาวางแผนจะเปิดร้านแบบชั่วคราวที่เรียกว่า Pop-up Store ตามจุดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว สำหรับกระแสต้านผิวขาวนั้น แม้จะมีการต่อต้านผลิตภัณฑ์ผิวขาว แต่ SnailWhite ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกๆ ปี และขณะนี้ยอดขายครีมที่เป็นสินค้าดั้งเดิมของบริษัทคิดเป็นร้อยละ 37 ของยอดขายรวมถึงตอนนี้ที่ SnailWhite ถือเป็น 1 ใน 10 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ดีที่สุดของไทย สราวุฒิบอกว่าพ่อของเขาเลิกต่อต้านความฝันของเขาแล้ว “ผมอยากให้ SnailWhite โด่งดังไปทั่วเอเชีย ฝันของผมยังไม่จบ”   เรื่อง: Naazneen Karmali เรียบเรียง: เอมวลี อัศวเปรม ภาพ: บมจ.ดู เดย์ ดรีม
คลิกอ่านเรื่องราวฉบับเต็มของ "สงครามผิวขาว" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ กรกฎาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine