โสมพัฒน์-วัลลภา พลิกเกมอสังหาฯ ทีซีซี แลนด์ แสนล้าน - Forbes Thailand

โสมพัฒน์-วัลลภา พลิกเกมอสังหาฯ ทีซีซี แลนด์ แสนล้าน

กลยุทธ์การเดินหมากธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ไทยสามารถผงาดขึ้นแท่นศูนย์กลางการค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคควบคู่การปั้นธุรกิจไลฟ์สไตล์ส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมปรับสมดุลพอร์ตอสังหาฯ สะกดนักลงทุนในตลาดหุ้น

เมื่อยุคทองสัมปทานสุราสิ้นมนต์ขลังกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เจ้าพ่อน้ำเมาต้องจัดทัพธุรกิจใหม่ในอาณาจักร ไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น หรือ ทีซีซี กรุ๊ป ซึ่งแบ่งกลุ่มเป็นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจอุตสาหกรรมและการค้า ธุรกิจประกันและการเงิน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร

พร้อมส่งไม้ต่อให้รุ่น 2 ของ ตระกูลสิริวัฒนภักดี ร่วมสานต่อความมั่งคั่งยั่งยืนจากมูลค่าทรัพย์สิน 5.31 แสนล้านบาทในปี 2560 รั้งตำแหน่งแชมป์อันดับ 2 ในทำเนียบอภิมหาเศรษฐีไทย และอันดับ 60 ของโลก(The World’s Billionaires) จากการจัดอันดับของนิตยสาร FORBES ปี 2560

หนึ่งในธุรกิจเรือธงที่ได้รับการหมายมั่นให้เป็นหมากสำคัญของกลุ่มทีซีซีอยู่ที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สองขาหลัก ได้แก่ บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด โดย ปณต สิริวัฒนภักดี เน้นการกว้านซื้อที่ดินใหม่ และพัฒนาเพื่อการเช่าจากที่ดินเดิม

โสมพัฒน์ ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ วัลลภา ไตรโสรัส (สิริวัฒนภักดี) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด

ขณะที่ บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ภายใต้การนำของสองขุนพล ได้แก่ โสมพัฒน์ ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ วัลลภา ไตรโสรัส (สิริวัฒนภักดี) กรรมการผู้จัดการใหญ่ เน้นการนำกรุที่ดินจำนวนหลายแสนไร่ทั่วประเทศของราชาที่ดินเมืองไทยพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร 

“ทีซีซี แลนด์ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายกลุ่ม ทั้งโรงแรมในประเทศและต่างประเทศศูนย์การค้า 5 แบรนด์ ได้แก่ เอเชียทีค พันธุ์ทิพย์ เกตเวย์ เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟสยามสแควร์ และบ็อกซ์สเปซ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย” โสมพัฒน์เริ่มต้นเล่าถึงธุรกิจภายใต้การบริหารโดยมีวัลลภาร่วมเคียงข้างให้ข้อมูล

ตัวเลขผลประกอบการในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท EBITDA จำนวน 6.4 พันล้านบาท ภายใต้มูลค่าโครงการรวม 1.4 แสนล้านบาท นำโดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% เป็นธุรกิจปล่อยเช่าอื่นๆ

โดยในปี 2561 ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ พร้อมเดินหน้าสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมประเทศผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค นั่นคือโครงการ “ตลาดต่อยอด”

“ตลาดต่อยอดเป็นตลาดกลางการค้าส่งแห่งแรกของประเทศและใหญ่ที่สุดในภูมิภาค นอกจากภาคกลาง เรายังวางแผนขยายทั่วประเทศ ทำให้เกิดการค้ารอบชายแดนทั้งหมด...” โสมพัฒน์กล่าวถึงแผนการลงทุนใหญ่งบลงทุนเฟสแรกกว่า 6 พันล้านบาท

“ต่อยอด” เชื่อมโอกาสส่งออก

“ก่อนเริ่มโครงการเราโชว์ไอเดียกับภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนหลายแห่ง ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ โดยไอเดียของเราเกิดขึ้นจากโมเดลตลาดค้าส่งใหญ่ของจีนที่ Yiwu…ยุทธศาสตร์ของไทยเป็นแหลมทอง ประกอบกับเรามีที่ดินทำเลทองสามารถเชื่อมต่อไปยังภาคต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงนโยบายภาครัฐที่เน้นการค้าอาเซียน ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจเริ่มต้นโครงการ” โสมพัฒน์กล่าว

ตลาดต่อยอดตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ ซึ่งห่างจากถนนวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก 4 กิโลเมตร สนามบินดอนเมือง 25 กิโลเมตร และท่าเรือแหลมฉบัง 110 กิโลเมตร

โครงการตลาดกลางการค้าแห่งภูมิภาคอาเซียนในชื่อ AEC Trade Center จะเปิดตัวบนพื้นที่ 160 ไร่ ที่ ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่การค้ากว่า 300,000 ตารางเมตรและสินค้ากว่า 1 ล้าน SKUs ประกอบด้วย 10 อาคาร เช่น สินค้าแฟชั่นเครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ เครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬา เครื่องสำอาง สปา ฯลฯ รวมถึงศูนย์จัดแสดงสินค้าขนาด 5,000 ตารางเมตร และโกดังสินค้าให้เช่า 500 ห้อง พื้นที่กว่า 13,000 ตารางเมตร

โดยตลาดต่อยอดจะมีการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานมาตรฐานสากลและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การเชื่อมโยงคู่ค้าและผู้ส่งออกในแต่ละอุตสาหกรรม (Industry Cluster) การให้บริการครบวงจร ทั้งการสนับสนุนด้านการเงิน การส่งออก กฎหมาย และการให้คำแนะนำปรึกษา รวมถึงช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในลักษณะ SMEs solution service

“เราเตรียมเปิดตลาดต่อยอดกลางปีนี้ ซึ่งรายได้ของเราไม่ใช่แค่พื้นที่ปล่อยเช่า แต่ยังมีรายได้อี-คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม ควบคู่กันเพื่อสนับสนุนคู่ค้า ซึ่งเรามองถึงความสำเร็จอย่างยั่งยืนร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องใช้แพลตฟอร์มเฉพาะของเรา แต่สามารถใช้ได้ทุกช่องทาง เช่น Alibaba, Lazada เหมือน e-space ในพื้นที่...” วัลลภากล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมงบลงทุน 4 หมื่นล้านบาทเดินหน้าขยายตลาดต่อยอดให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคภายใน 3-5 ปี โดยเน้นทำเลติดการค้าชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษขนาดที่ดินเฉลี่ย 100 ไร่ขึ้นไป เช่น จ.เชียงใหม่ในภาคเหนือ ชลบุรีในภาคตะวันออก อุดรธานีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตากในภาคตะวันตก และเพชรบุรีในภาคใต้

เปิดฉากสู่มหาชนในตลาดทุน

นอกจากตลาดต่อยอดแล้ว กลุ่มโรงแรมและค้าปลีก บริษัทก็มีแผนสร้างโรงแรมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงแรมขนาดใหญ่ริมแม่น้ำ แมริออท เอเชียทีค รีสอร์ท ที่พัทยา และกระบี่

ด้านธุรกิจค้าปลีก เตรียมการขยายศูนย์การค้าในลักษณะเดียวกับ เอเชียทีค ไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น พัทยา เชียงใหม่ และการพัฒนาศูนย์การค้าโมเดล เกตเวย์ เพิ่มในทำเลบางซื่อ รวมถึงปรับคอนเซปท์ให้ พันธุ์ทิพย์ เป็น E-Sport Arena แห่งแรกในเอเชีย ทั้งสาขาประตูน้ำและเชียงใหม่ พร้อมนำโมเดล ตลาดตะวันนา เปิดตลาดย่านบางพลีและพระราม 2 อีกด้วย

โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค มูลค่าการลงทุนสูงสุดในกลุ่มโรงแรม ซึ่งได้รับการคิดและออกแบบอย่างพิถีพิถันตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ เช่น การสร้างความแตกต่างให้ห้อง Presidential Suite ขนาดมากกว่าพันตารางเมตร ด้วย roof top view เป็น sky villa และออนเซ็น เป็นต้น

ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ด้วยการนำอาณาจักร 1.4 แสนล้านบาทแปรสภาพเป็นมหาชน

“คุณพ่อมองถึงรูปแบบการจัดการที่ยั่งยืนว่าการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ ทำให้องค์กรพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งระบบการทำงานตามบริษัทมหาชนและแผนการลงทุนที่แตกต่างกัน ถ้าเป็นธุรกิจครอบครัวเราสามารถลงทุนได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงตัวเลขผลประกอบการและระยะเวลา ซึ่งท้ายสุดรายได้อาจจะมาพร้อมกันหมด แต่ถ้าเป็นบริษัทในตลาดฯ เราต้องวางแผนบาลานซ์การเติบโต เงินปันผล และการสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนเห็นอย่างต่อเนื่อง” วัลลภากล่าว

นอกจากนี้ โสมพัฒน์และวัลลภายังให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ชัดเจนในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นโครงการระยะยาว ซึ่งบริษัทยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่รอการพัฒนาจำนวนมากกว่า 90 โครงการ ด้วยความเชื่อมั่นในโอกาสและศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ไทยที่จะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ภาพ: ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี

อ่านเพิ่มเติม: โลกของเจริญ: เปิดแผนที่ 18 อสังหาฯ ใจกลางกรุงของเจ้าสัวไทยเบฟฯ


คลิกอ่าน "โสมพัฒน์-วัลลภา พลิกเกมอสังหาฯ ทีซีซี แลนด์ แสนล้าน" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine