จิโรจ ณ นคร SGS ยกระดับมาตรฐานโลก - Forbes Thailand

จิโรจ ณ นคร SGS ยกระดับมาตรฐานโลก

ผลงานความสำเร็จในประเทศที่พิสูจน์ความสามารถการตรวจสอบคุณภาพและประทับตรามาตรฐานสากลธุรกิจไทยหลากหลายอุตสาหกรรม พร้อมผสมผสานการพัฒนาเทคโนโลยีรับความเปลี่ยนแปลงสู่ความท้าทายใหม่รับโจทย์การขยายฐานความแข็งแกร่งในกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา

7 ทศวรรษของบริษัทสัญชาติยุโรปในการบุกเบิกเส้นทางการประทับตราคุณภาพธุรกิจเทียบชั้นมาตรฐานสากลตั้งแต่สินค้าการเกษตรถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ สถาบันระหว่างประเทศและองค์กรสาธารณชน ด้วยเทคโนโลยี และการให้บริการแบบฉบับองค์กรชั้นนำของโลกทางด้านการตรวจสอบ การทดสอบและการรับรองระบบอันดับ 1 ในประเทศไทย “อายุงานของผมประมาณ 28 ปี ในยุคบุกเบิกที่คนยังไม่ค่อยรู้จักเรา ผมต้องทำทุกอย่าง ทั้งหางานและสร้างการรับรู้ โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า การบริหารจัดการต้องเข้าใจธรรมชาติของแต่ละธุรกิจ ดังนั้นผมต้องศึกษาให้ถ่องแท้ทั้งหลักการพื้นฐานและค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างภาคทฤษฎี และ on the job training” จิโรจ ณ นคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้มีประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการขนส่งทางเรือ ยังคงระลึกถึงช่วงเวลาเริ่มต้นทำงานกับบริษัทระดับโลก ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเอ็มดีไทยคนแรกในปี 2553 และร่วมถือหุ้นในบริษัท “ช่วงที่ผ่านมาเราได้ปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยการรวมหลายธุรกิจที่กระจายให้เป็นกลุ่มเดียวกันประมาณ 12 กลุ่มครอบคลุมความต้องการ นำโดยกลุ่มการเกษตรอาหารและยา หรือ AFL คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของพอร์ตรายได้ เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษตรและอาหาร ซึ่งเอสจีเอสครองมาร์เก็ตแชร์สูงสุด เช่นเดียวกับงาน certifications แร่ น้ำมัน ก๊าซ โดยภาพรวมเราเป็นเบอร์ 1 ในประเทศทั้งด้านการตรวจสอบและการออกใบรับรอง” “ถ้าเราทำงานไม่ดี หรือตรวจสอบไม่ดี เมื่อผลิตภัณฑ์ถึงปลายทางจะฟ้องตัวเองว่าไม่ได้มาตรฐาน ลูกค้าอาจจะเสียโอกาส และผู้บริโภคอาจจะไม่ซื้อสินค้า ดังนั้น เราพยายามให้ลูกค้าเห็นความสำคัญของการปรับปรุงคุณภาพเหมือนเราเป็นคนกลางที่ชี้ให้เห็น ทั้งยังสามารถใช้ระบบของเราบริหารจัดการบุคลากรในองค์กรได้ รวมถึงการให้หน่วยฝึกอบรมของเราเข้าไปช่วยเปลี่ยน mindset ให้เข้าใจในความเปลี่ยนแปลง” จิโรจเน้นย้ำถึงการรักษามาตรฐานการทำงานและการบริการที่มีคุณภาพ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการส่งออกผลิตภัณฑ์ การสร้างความพึงพอใจให้ผู้บริโภค และประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาวพร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือธุรกิจให้สามารถยกระดับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล “คีย์สำคัญของการเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ความซื่อสัตย์ในการทำงานและทีมงานทุกคนของเอสจีเอสที่มีความเป็นมืออาชีพเฉพาะทางและเป็นบุคลากรคุณภาพ” ห้องปฎิบัติการของเอสจีเอสบนถนนพระราม 3  

แต่งทัพข้ามพรมแดน

บนโจทย์ทางธุรกิจที่ได้รับนับตั้งแต่วันแรกที่นั่งเก้าอี้เอ็มดีประจำประเทศไทย จิโรจสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องพร้อมเดินหน้ารับความท้าทายใหม่นอกพรมแดนเพื่อขยายน่านน้ำการแข่งขันตามโอกาสที่เล็งเห็นในต่างแดน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา “ผมเป็นผู้เริ่มต้นขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะการแข่งขันสูงมาก ขณะที่ชิ้นเค้กขนาดเท่าเดิม มีทั้งบริษัทที่เน้นคุณภาพและไม่เน้นคุณภาพ เราต้องอยู่ให้ได้” สำหรับแนวทางการขยายฐานธุรกิจในต่างประเทศของจิโรจเริ่มต้นที่ประเทศกัมพูชาโดยมุ่งเน้นด้านการตรวจสอบสินค้าเสื้อผ้าเกษตรกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค พร้อมสร้างห้องปฏิบัติการทดสอบ (laboratory) และสำนักงานใหญ่ ณ Phnom Penh ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ จิโรจยังให้ความสนใจโอกาสสร้างการเติบโตใน สปป.ลาว ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยบริษัทสามารถให้การสนับสนุนด้านการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ขุดเจาะ สำรวจ การนำตัวอย่างดินจากเหมืองแร่มาวิเคราะห์ รวมถึงธุรกิจการค้าไฟฟ้าที่ต้องการการตรวจสอบเรื่องสิ่งแวดล้อมในกิจการไฟฟ้า หลังประสบความสำเร็จในการขยายฐานธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งในกัมพูชาและสปป.ลาว จิโรจได้รับมอบหมายจากเอสจีเอสสำนักงานใหญ่ใน Geneva สวิตเซอร์แลนด์ให้สร้างการเติบโตที่ประเทศเมียนมาเมื่อปี 2559 โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมด้านระบบการทำงานและฝึกอบรมบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น “เอสจีเอสในเมียนมาอายุมากกว่า 60 ปีใกล้เคียงกับประเทศไทย แม้จะมีนักลงทุนและความต้องการ แต่การเติบโตทางธุรกิจยังไม่ดีเท่าที่ควร เขาเห็นผลงานและกลยุทธ์ที่เราทำในกัมพูชาและลาว เขาจึงให้เราเข้าไปเตรียมการ เตรียมงาน และฝึกอบรมทีมงานสร้างความพร้อมในเมียนมา รวมถึงย้ายออฟฟิศใหม่” ห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025, ISO 9001, OHSAS 18001   “พอร์ตรายได้ในปัจจุบันมากกว่า 2 พันล้านบาท มีลาวและกัมพูชารวมกันไม่ถึง 10% แต่ในอนาคตประมาณ 4-5 ปีข้างหน้ารายได้น่าจะเพิ่มขึ้นที่ 30% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งกัมพูชาเป็นประเทศที่เติบโตสูงสุดจากการเข้าลงทุนและต้นทุนแรงงานที่ดึงดูด แต่ก็เป็นประเทศท้าทายมากที่สุดในแง่กำลังคนและการฝึกอบรมทีมงานที่เป็นคนท้องถิ่น เราใช้เวลาสำรวจหลายปีกว่าจะตัดสินใจลงทุน เพราะข้อมูลค่อนข้างหายาก” ทั้งนี้ ห้องปฏิบัติการทดสอบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ (multi lab) ของเอสจีเอสตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 ซึ่งสามารถวิเคราะห์ทดสอบได้หลากหลายกลุ่มธุรกิจ และห้องปฏิบัติการทดสอบงานด้านสิ่งแวดล้อม น้ำมัน ก๊าซ และเคมีที่มาบตาพุด จ.ระยอง รวมถึงห้องปฏิบัติการทดสอบงานด้านอาหารและแร่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  

ไอทีเติมเต็มดีมานด์ยุค 4.0

ท่ามกลางความท้าทายของความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงขึ้น จิโรจเชื่อมั่นในการรักษาระดับคุณภาพ การให้บริการ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากกว่าการใช้ราคาเป็นอาวุธ สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ที่บริษัทมั่นใจเสริมทัพการบริการให้ธุรกิจไทย ได้แก่ การพัฒนาระบบ Transparency One หรือการตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านระบบสแกนแสดงข้อมูลอัพเดทแบบเรียลไทม์ ระบบ Digi Comply การตรวจสอบรับรองสินค้า SMEs ไทยเพื่อการส่งออก และ EQSS (extended quality and sourcing solution) ซึ่งเป็นระบบการบริการจุดซัพพลายเชนแต่ละขั้นตอนเพื่อให้ผู้ผลิตสินค้าหรือเจ้าของแบรนด์รับรู้กระบวนการผลิต และแหล่งที่มาสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่น BIPPAR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กลุ่มสหภาพยุโรปสหรัฐอเมริกาและจีนใช้ตรวจสอบสินค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรงงาน แหล่งผลิต จนถึงปลายทางผู้บริโภค โดยกลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่สามารถใช้ระบบหรือเทคโนโลยีดังกล่าว เช่น สินค้าประเภทอาหารสด (fresh food) ที่มีความเสี่ยงด้านการควบคุมคุณภาพให้สดใหม่ทุกวันและกระบวนการผลิตที่ละเอียดอ่อน รวมถึงการบริหารจัดการขนส่งอย่างเป็นระบบให้คงคุณภาพจนถึงมือผู้บริโภค “เราเน้นการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น โดยบริษัทแม่ที่ Geneva เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีและส่งมาให้เรา ซึ่งเขาให้อิสระการบริหารแต่ละประเทศค่อนข้างมาก เพราะธรรมชาติการทำธุรกิจแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน” จิโรจกล่าว     ภาพ: กิตติเดช เจริญพร