ชวัลวัฒน์-ทิพพาภรณ์ นิรมิตอภิโปรเจกต์พลิกโลก - Forbes Thailand

ชวัลวัฒน์-ทิพพาภรณ์ นิรมิตอภิโปรเจกต์พลิกโลก

พลังร่วมแห่งการสร้างสรรค์ของคู่ชีวิตที่สามารถบรรจบความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และการร่างจินตนาการให้มีชีวิตโลดแล่นเป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจสู่การเป็นคู่คิดทางธุรกิจ จับมือพัฒนาโครงการกว่าแสนล้านบาทเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสร้างปรากฏการณ์เมืองสีฟ้าเขย่าโลก

“เราจะทำสิ่งดีๆ ร่วมกันให้กับโลกใบนี้” คำมั่นสัญญาในวันแต่งงานที่เป็นเสมือนลำนำบทแรกของอภิมหาโครงการกว่าแสนล้านบาทระหว่างบุตรสาวคนเล็กของเจ้าสัวไทยที่ทุ่มเทให้กับการสร้างอาณาจักรแมกโนเลียเพื่อสานต่อปณิธานการทำธุรกิจที่คำนึงถึงประโยชน์ของสังคมส่วนรวมร่วมกับดอกเตอร์ผู้มีบทบาทอนุรักษ์ท้องทะเล ด้วยการสร้างสรรค์แบรนด์คาแรกเตอร์ไทย “เชลล์ดอน” นำเสนอเรื่องราวชีวิตสัตว์ใต้ท้องทะเลที่ได้รับความนิยม และออกฉายไปแล้วกว่า 180 ประเทศทั่วโลก “นี่คือ value of life และเป็นคำสัญญาของพี่แตนในวันแต่งงาน เราใช้ความสามารถในอาชีพของเราทั้งสองคนมาช่วยกันทำสิ่งดีๆ โดยพี่แตนสื่อสารให้โลกเห็นมุมมองของชีวิตที่มีความสุข และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรักกัน รักธรรมชาติ ส่วนบีสร้าง place อยู่ได้จริง ซึ่งหลังแต่งงานเรามีความรู้สึกเหมือนเติมเต็มชีวิตให้กันและกัน ความคิดเราคล้ายกันมาก” ทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ (เจียรวนนท์) ประธานมูลนิธิดีที แฟมิลีส์ ประธานมูลนิธิพุทธรักษา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทดีที (DTGO) กล่าวถึงความลงตัวทั้งการเป็นคู่ชีวิตและคู่คิดทางธุรกิจเคียงข้าง  

จับมือปั้นฝันฟอเรสเทียส์

สืบเนื่องจากปรัชญาองค์กรของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ “งานทุกอย่างที่เราทำด้วยการสละกำลังสมอง กำลังกายและเวลา จะต้องเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากในสังคมที่เราอาศัยอยู่ ต่อลูกค้า ต่อเพื่อนพนักงาน ต่อบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ” นับตั้งแต่เริ่มต้น กลุ่มบริษัทดีที (DT Group) ในปี 2536 เพื่อบูรณาการให้ธุรกิจและการช่วยเหลือสังคมดำเนินควบคู่กันไปเป็นหนึ่งเดียว โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดต่อคนหมู่มาก ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ และผู้ที่ขาดโอกาสในสังคมจนกระทั่งถึงการก่อร่างสร้างอาณาจักรแมกโนเลีย (MQDC) ในปี 2553 สู่ความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตเพื่อให้การสร้างไม่ใช่แค่เพื่อวันนี้หรือพรุ่งนี้แต่ต้องส่งผลดีต่อทุกชีวิตจนถึงอนาคต โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) ได้รับการรังสรรค์ภายใต้คำมั่นสัญญา “for all well-being” ตอบโจทย์จินตนาการความสุขที่ยั่งยืนแท้จริงด้วยการสร้างไลฟ์สไตล์ที่อำนวยให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ของผู้คนวัยต่างๆ รวมถึงสรรพสัตว์และทุกสิ่งมีชีวิตเข้ากับระบบนิเวศของผืนป่าที่สมบูรณ์แบบขนาดใหญ่ถือเป็นครั้งแรกของโลกกับโครงการมูลค่ามากกว่า 9 หมื่นล้านบาทซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2561 และคาดการณ์โครงการสำเร็จในปี 2565 “ในเชิงบริษัทเราแยกกัน เพราะต่างคนต่างสร้างกันมาก่อนรู้จักกัน แต่วันนี้เราจะทำสิ่งดีๆ ร่วมกันเหมือนคุณบีสร้างแต่ละ node แต่ละโลเคชั่น ผมสร้างตัวเชื่อมให้ node ต่างๆ ทำร่วมกัน เช่น เดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่คุณบีสร้างให้คนหลายเจเนอเรชั่นอยู่ร่วมกันได้ด้วยความรักและความอบอุ่น โดยผมเข้ามาช่วยส่งข้อมูลและสื่อสารผ่านแอนิเมชั่นเล่าไลฟ์สไตล์ของที่นี่ ความสุขและสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นว่าชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ และครอบครัวที่อบอุ่นเป็นอย่างไร” ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์จำกัด และบริษัท ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงการแบ่งบทบาทหน้าที่ในฐานะคู่คิดทางธุรกิจอย่างลงตัว จากความสำเร็จของเชลล์ดอนที่โด่งดังไปทั่วโลกทั้งรายได้ทางธุรกิจและรางวัลยกย่องคอนเทนต์ที่สามารถส่งเสริมสังคมตลอดจนสิ่งแวดล้อม ดร.ชวัลวัฒน์จึงพร้อมรับหน้าที่ถ่ายทอดคอนเซปท์ “ความสุขที่แท้จริง” ของโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ “ทุกโครงการของ MQDC จะศึกษา pain points และพยายามใช้อาชีพของเราแก้ปัญหาเช่น ฟอเรสเทียส์พยายามแก้ปัญหาสุขภาพของคนเมืองด้วยการปลูกป่าในเมือง และเรื่อง aging society ที่เป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก ซึ่งเราเชื่อว่าธรรมชาติของมนุษย์ถูกสร้างให้อยู่ร่วมกันทุกเจเนอเรชั่น และงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าเด็กที่เติบโตในครอบครัวที่มีคุณตา คุณยาย ได้รับความอบอุ่น จะมีชีวิตการทำงานหรือชีวิตการแต่งงานที่ดีกว่า” ทิพพาภรณ์ วัย 50 ปีย้ำความจำเป็นในการถ่ายทอดหัวใจสำคัญของโครงการผ่านสื่อภาพยนตร์ ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย)

T&B ร่วมทุนผงาดต่างแดน

ภายใต้วิสัยทัศน์ความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบริหารจัดการและลงทุนในภาพยนตร์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทั่วโลก ดร.ชวัลวัฒน์ และทิพพาภรณ์จับมือกันสร้างชื่อให้บริษัทสัญชาติไทยในนาม ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) พร้อมทั้งลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต “T&B มาจากครอบครัวของแตนและบี ซึ่งดำเนินธุรกิจในลักษณะ financing company หรือ fund management โดยนำเงินในกองทุนลงทุนในคอนเทนต์หรือโปรเจกต์ที่น่าสนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่และสานต่อการเผยแพร่คอนเทนต์ดีๆ ไปทั่วโลก อย่างน้อยที่สุดให้เป็นที่รู้จักในเอเชีย” ดร.ชวัลวัฒน์ แสดงความมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจของครอบครัว สำหรับหนึ่งในกลยุทธ์สร้างการเติบโตทางธุรกิจและสร้างชื่อในต่างประเทศ ครอบครัว T&B ให้ความสำคัญกับการจับมือกับพันธมิตรแดนมังกรและฮอลลีวูด เช่น การลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับบริษัท วิงส์ มีเดีย บริษัทในเครือของเซี่ยงไฮ้ มีเดีย กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมบันเทิงจากประเทศจีนเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยประกาศความร่วมมือผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ 4 รายการ อาทิ Start it up ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ฉบับคนแสดงภายใต้สโลแกน “สูตร รัก รวย เละ” ที่พูดถึงสตาร์ทอัพและนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งมีนักแสดงจากประเทศจีนมาร่วมแสดงด้วย นอกจากนั้น บริษัทยังเปิดกว้างด้านการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อตอกย้ำจุดยืนบริษัทผลิตสื่อแห่งอนาคต ด้วยการร่วมมือกับ Cinelytic บริษัทบิ๊กดาต้าของสหรัฐอเมริกาพลิกโฉมรูปแบบการประมวลผลสำหรับการสร้างภาพยนตร์ โดยพัฒนาระบบ AI และเทคโนโลยีคลาวด์ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อไปใช้วิเคราะห์ประมวลผลสำหรับการสร้างภาพยนตร์ ทั้งข้อมูลนักแสดง คัดกรองเนื้อหาบทภาพยนตร์ และความต้องการของคนดูหนังแบบเรียลไทม์ ช่วยให้มีการผลิตภาพยนตร์เข้าสู่ตลาดโลกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการสร้างภาพยนตร์ ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งเชลล์ฮัทและที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) วัย 51 ปียังกล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัทในปัจจุบันจำนวน 25 โครงการใช้งบลงทุนราว 150 ล้านเหรียญและเตรียมฉายทั่วโลกในปลายปีนี้หรือต้นปี 2563 จำนวน 6 เรื่อง มูลค่าการลงทุนประมาณ 50 ล้านเหรียญ พร้อมวางเป้าหมายสร้างชื่อเป็นแบรนด์ระดับโลก ด้วยรายได้แตะระดับหมื่นล้านบาท และนำบริษัทที แอนด์ บีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 3 ปี https://www.instagram.com/p/BvEbS3enPLS/?utm_source=ig_web_copy_link

ยกระดับสู่เมืองบลูคาร์บอน

บนเจตนารมณ์ของการให้อันเป็นรากฐานสำคัญในทุกการเริ่มต้นลงทุนธุรกิจของคู่ชีวิตที่พร้อมเติมเต็มความคิดและความเชี่ยวชาญที่แตกต่าง รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้กันและกัน จนก่อให้เกิดโครงการขนาดใหญ่เพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดย บลูคาร์บอนโซไซตี้ (Blue Carbon Society) เป็นหนึ่งในผลงานที่ทั้งคู่ได้รวมพลังสรรค์สร้างและเตรียมเดินหน้าต่อยอดขยายสู่การสร้างเมืองในจินตนาการให้เกิดขึ้นจริงในระดับโลก ดังนั้น Blue Carbon Society จึงอยู่ภายใต้ วิสัยทัศน์การจุดประกายให้ทั่วโลกได้เห็นถึงความสำคัญในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเลและตามแนวชายฝั่ง เพื่อต่อกรกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลกโดยมีพันธกิจหลัก 6 ด้าน ประกอบด้วย Blue Content คือ การเพิ่มศักยภาพของระบบนิเวศทางทะเล และชายฝั่งที่จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้ง Blue Diversity หรือการปกป้อง และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศทางทะเล และชายฝั่ง ด้าน Blue activity ได้แก่ การพัฒนากิจกรรมที่จะช่วยให้สังคมมนุษย์ และระบบนิเวศทางธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล Blue Research คือ การเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางด้านการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึง Blue Partnership หรือการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่ยั่งยืนร่วมกัน เพื่อทำกิจกรรมของบลูคาร์บอน และ Blue People คือ การพัฒนาบุคลากรเพื่อช่วยค้ำจุนความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลชายฝั่ง และระบบนิเวศ นอกเหนือจากการเป็นคู่คิดทางธุรกิจร่วมสานฝันในแผนการดำเนินงานโปรเจกต์แสนล้าน ดร.ชวัลวัฒน์ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาของครอบครัวและการสนับสนุนให้กำลังใจกันในฐานะคู่ชีวิต ซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ความสุข และพลังสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคมต่อเนื่องได้หลายเท่าทวี “ผมได้ทั้งภรรยา ครอบครัว และทีมงานช่วยสนับสนุนเติมเต็มกันและกัน ทำให้สมองโฟกัสได้เต็มที่ ยิ่งคู่ชีวิตคิดเหมือนกัน แค่มองตากันก็รู้ว่าวันนี้ธุรกิจเจออะไรมา เราให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งการลดเวลาการทำงานลงและใช้เวลา quality time ด้วยกันไม่ได้กระทบกับการทำงาน แต่ยิ่งช่วยให้ประสิทธิภาพงานดีขึ้น เราแชร์ทุกอย่างด้วยกันคุยกันได้ทุกเรื่อง ทำให้หลายเรื่องผ่านไปง่ายขึ้นและเกิดพลังทำสิ่งที่ดีมากขึ้น” ดร.ชวัลวัฒน์ทิ้งท้ายเกี่ยวกับหลักการทำธุรกิจ 3 H ประกอบด้วย Heart ทำด้วยใจรัก Head การใช้สติปัญญาหรือสมอง และ Hand เพื่อนร่วมงานและทีมงานช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จ รวมทั้งการเดินหน้ากล้าชนกับปัญหาและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ด้วยการพิจารณาจากตัวเองก่อนเสมอแทนที่จะโทษปัจจัยภายนอก เพื่อให้สามารถเอาชนะปัญหาและข้ามผ่านความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ ทิพพาภรณ์กล่าวสนับสนุนคู่ชีวิตเกี่ยวกับปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ไม่เพียงเตรียมความพร้อมรับมือแก้ไข แต่ยังต้องพยายามสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจและการใช้ชีวิต เพื่อให้เกิดความสุขขึ้นโดยรอบ และสะท้อนกลับมาเป็นความสำเร็จร่วมกันได้อย่างยั่งยืน https://www.instagram.com/p/BuRQYxPH1dc/?utm_source=ig_web_copy_link
คลิกอ่านฉบับเต็ม "ชวัลวัฒน์-ทิพพาภรณ์ นิรมิตอภิโปรเจกต์พลิกโลก" ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ในรูปแบบ e-Magazine