แสนสิริ สร้างสถิติใหม่ กวาดกำไร 6,060 ล้านบาท ครองยอดขายอันดับ 1 ตลาดอสังหาฯ ระดับหรู - Forbes Thailand

แสนสิริ สร้างสถิติใหม่ กวาดกำไร 6,060 ล้านบาท ครองยอดขายอันดับ 1 ตลาดอสังหาฯ ระดับหรู

FORBES THAILAND / ADMIN
28 Feb 2024 | 01:44 PM
READ 761

แสนสิริ (SIRI) ทำกำไรสุทธิปี 66 สูงสุดในรอบ 40 ปี ที่ 6,060 ล้านบาท เติบโตสุงสุดในอุตสาหกรรมอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย สร้างยอดขายกว่า 49,000 ล้านบาท รายได้รวม 39,082 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ พร้อมมุ่งเป้าขยายพอร์ตลักชัวรี กลับไปรุกหัวเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดใหญ่ในปี 2567


    วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า "ปี 2566 แสนสิริสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 6,060 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งมาได้ 40 ปี หรือ ALL-TIME HIGH เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 4,280 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 15.5% ทุบสถิติใหม่"


วิชาญ วิริยะภูษิต


    นับว่าเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตด้านกำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ ส่วนยอดขายรวมอยู่ที่ 49,000 ล้านบาท ด้านรายได้รวมก็ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่เช่นกันอยู่ที่ 39,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง

    โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาดอสังหาฯ ในระดับลักชัวรี และมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา, เศรษฐสิริ ดอนเมือง, นาราสิริ พหล-วัชรพล,
 บูก้าน กรุงเทพกรีฑา และบุราสิริ วัชรพล

    ในส่วนของคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move ที่สามารถขายและรับรู้รายได้ได้ทันที อาทิ โครงการเอ็กซ์ที พญาไท, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, ดีคอนโด พนา, โอกะ เฮ้าส์, เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา, เดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ และเดอะ มูฟ บางนา

    วิชาญกล่าวว่า "สิ่งที่สำคัญและปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นผลจากการตอบรับในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่ดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะการครองใจกลุ่มลูกค้าลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีด้วยคุณภาพและบริการจากแสนสิริที่เหนือกว่า ผ่านประสบการณ์จริงของลูกค้าที่ได้สัมผัส ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าและบริการ จนส่งผลให้แสนสิริเป็นเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯ ลักชัวรีจนถึงปัจจุบัน"

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการควบคุมวินัยทางการเงินที่ทางบริษัทดำเนินการเป็นอย่างดี ตลอดจนการบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้า ทั้งหมดส่งผลให้แสนสิริมีประสิทธิภาพในการทำกำไรและสร้างรายรับให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้น


    วิชาญได้เผยแผนการสำหรับปี 2567 ว่า "ปี 2567 แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าต่อตามแผนธุรกิจ เปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท (มูลค่าสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ) ตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาทและเป้าหมายยอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท"

    ภายใต้กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนองค์กรควบคู่กับความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ประกอบด้วย การรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน พร้อมระดับสภาพคล่องที่ 17,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ ได้เตรียมโอน 10 คอนโดมิเนียม มูลค่า 14,000 ล้านบาท ได้แก่ เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์ ขอนแก่น, เดอะ เบส ไฮท์ - เชียงใหม่, เดอะไลน์ ไวบ์, ดีคอนโด แซนด์ หาดใหญ่, ดีคอนโด เวล ศรีราชา, ดีคอนโด รีฟ ภูเก็ต, เวย์ อยุธยา, ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต, ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง และดีคอนโด ชายน์ รังสิต

    "รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากกว่า ผ่านการควบคุมระดับสินค้าเพื่อการขายในแต่ละระดับราคาให้อยู่ระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ แสนสิริยังวางแผนยกระดับคุณภาพของสินค้า บริการ และความยั่งยืน เพื่อครองอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง" วิชาญกล่าว


    แสนสิริยังมุ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหุ้น จากผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง เพื่อให้
นักลงทุนได้รับเงินปันผลที่สูงขึ้นในอนาคต เตรียมประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเมื่อเดือนกันยายน 2566 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เตรียมจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น Dividend Yield ปี 2566 อยู่ที่ 10.8%


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ดนัย ดีโรจนวงศ์’ บิ๊กมิสทีน เปิดเบื้องหลัง จ้าง BETC ผู้สร้างแบรนด์หรู ดูแลแบรนดิ้ง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine