เป้าระยะยาว เอสซี แอสเสท ปี 2566 เดินหน้าสู่กำไร 3 พันล้านบาท - Forbes Thailand

เป้าระยะยาว เอสซี แอสเสท ปี 2566 เดินหน้าสู่กำไร 3 พันล้านบาท

แผนต่อไปของเอสซี แอสเสท หลังขยับโครงสร้างพอร์ตอสังหาฯ ในมือเจาะกลุ่มตลาดกลางล่างสำเร็จ อีก 5 ปีจากนี้บริษัทจะเดินตามแผน Next Is Now เป้ากำไรสุทธิ 3 พันล้านบาท กระจายความเสี่ยงด้วยรายได้ค่าเช่า-สยายปีกลงทุนในสหรัฐฯ คิดแพ็กเกจบริการเพื่อการอยู่อาศัย

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2561 ของบริษัท มียอดขาย 15,022 ล้านบาท รายได้ 15,616 ล้านบาท เติบโตขึ้น 25% และกำไรสุทธิ 1,782 ล้านบาท เติบโตขึ้น 42% เทียบปีก่อนหน้า (อย่างไรก็ตาม ยอดขายและรายได้บริษัทในปี 2561 ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ อ่านรายละเอียดที่นี่) ณัฐพงศ์ยังกล่าวถึงถึงผลการดำเนินงานตามแผนปรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ขายของบริษัทไปสู่กลุ่มตลาดแนวราบระดับกลางถึงล่างให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทที่บุกตลาดด้วยแบรนด์ “เพฟ” ในปี 2561 ที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้จากโครงการราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทในพอร์ตแนวราบทั้งหมดของเอสซี แอสเสทเพิ่มขึ้นเป็น 20% เทียบกับปี 2559 ที่เคยมีสัดส่วนเพียง 9% และจากข้อมูลของ Agency Real Estate Affairs (AREA) พบว่ามาร์เก็ตแชร์ของเอสซี แอสเสทในกลุ่มตลาดแนวราบราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อยูนิตได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 6% เป็นอันดับ 4 ของตลาด ส่วนการจัดสมดุลพอร์ตรายได้เป็นไปตามแผนที่ต้องการให้รายได้มาจากโครงการแนวราบ 60% โครงการแนวสูง 35% และรายได้ค่าเช่าและบริการ 5%  

กำไร 3 พันล้าน ผสาน 3 เครื่องจักร แนวราบ-คอนโดฯ-รายได้เช่า

สำหรับแผน Next Is Now ระยะ 5 ปี (2562-66) ของเอสซี แอสเสท ณัฐพงศ์กล่าวว่า มีเป้าหมาย 3 ประการ คือ 1.การเติบโตกำไรที่ 3 พันล้านบาท และรายได้ 2 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2566 2.คุณภาพการก่อสร้างที่ดีขึ้น และ 3.เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นการอยู่อาศัย (Living Solutions Provider) ณัฐพงศ์แจกแจงว่า การไปสู่กำไร 3 พันล้านที่โตคู่ไปกับตัวเลขบรรทัดบนสุด จะมาจากรายได้โครงการแนวราบเป็นเครื่องยนต์สำคัญ ตามด้วยรายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมที่จะเริ่มเห็นการโอนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 และ Recurring Income หรือรายได้ค่าเช่าที่จะเข้ามา โดยมองว่าจะเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของกำไรทั้งหมดในอนาคต
สัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทจะขึ้นไปที่ 26% ของรายได้จากโครงการแนวราบทั้งหมดภายในปี 2562
โครงการแนวราบนั้นจะยังคงผลักดันการขยายโครงการระดับกลางถึงล่างอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าสัดส่วนรายได้จากโครงการราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทจะขึ้นไปที่ 26% ของรายได้จากโครงการแนวราบทั้งหมดภายในปี 2562 นี้ และมีโอกาสไปถึง 1 ใน 3 ในปี 2566 เพราะสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ 6% ที่บริษัทมีในปัจจุบันยังสามารถขยายการแข่งขันได้อีก และยังมีบางทำเลที่บริษัทยังไม่ได้บุกไป เช่น ปีนี้จะมีการเปิดตัวเพฟในกรุงเทพฯ โซนตะวันออก และ จ.ฉะเชิงเทรา ด้านคอนโดมิเนียมเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสำคัญในการทำรายได้ โดยจะมีการโอนกรรมสิทธิ์รายได้คอนโดฯ สม่ำเสมอตั้งแต่ปี 2565 โดยเฉพาะคอนโดฯ ที่ดำเนินการภายใต้บริษัทลูก บริษัท สโคป จำกัด  

ซุ่มซื้ออะพาร์ตเมนต์ใน Boston

อีกส่วนสำคัญในกำไรสุทธิ ปีนี้เป็นปีแรกที่เอสซี แอสเสทจะมีการลงทุนในต่างประเทศ เตรียมเข้าซื้ออะพาร์ตเมนต์ใน Boston ประเทศสหรัฐอเมริกาในครึ่งปีแรก 2562 มูลค่าการลงทุนราว 25-30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 775-930 ล้านบาท) เพื่อเก็บรายได้ค่าเช่า คาดอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 4-5% ต่อปี ไม่นับรวมส่วนต่างราคาที่จะได้รับเมื่อขายออกในอนาคต (Capital Gain) “ตลาดอะพาร์ตเมนต์อเมริกาโตดีเพราะมีการเช่า โดยเฉพาะเมืองที่มีบริษัทเทคโนโลยีเข้าไปตั้ง จะมีคนทำงานที่ย้ายไปอยู่อาศัยมาก ทำให้เราสนใจ อย่าง Boston เป็นเมืองมหาวิทยาลัย เป็นที่ตั้ง Harvard University ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรแต่การศึกษาก็ยังแข็งแรง มองระยะยาวเราจะมีการลงทุนในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ปีละไม่เกิน 30 ล้านเหรียญ อาจจะไม่ใช่ตึกเดียวก็ได้ เป็นตึกเล็กๆ หลายแห่งรวมกันก็ได้ ตรงนี้เป็นการ diversify พอร์ต กระจายความเสี่ยง เพราะขนาดบริษัทเราเริ่มใหญ่ขึ้น” ณัฐพงศ์กล่าว  

คิดแพ็กเกจบริการแม่บ้าน-ทำสวน

นอกจากนี้ เอสซี แอสเสทยังต่อยอดอนาคตในมุมของเทคโนโลยีบริการลูกบ้าน ปีก่อนนั้นมีการเปิดตัว Mr.Holmes หุ่นยนต์ตรวจตราความปลอดภัยที่พัฒนาร่วมกับสตาร์ทอัพจากสิงคโปร์ และนำมานำร่องทดลองใช้ในโครงการของบริษัทที่บางกะดี สำหรับปีนี้ บริษัทเริ่มให้บริการแอพพลิเคชั่น “รู้ใจ” เต็มรูปแบบแล้วในไตรมาสแรก และเตรียมเปิดฟีเจอร์ใหม่ “รู้ใจ Subscription” ให้ลูกบ้านได้ใช้งาน รู้ใจ Subscription เป็นการจัดแพ็กเกจให้คนอยู่อาศัยด้วยบริการต่างๆ เช่น แม่บ้าน ทำสวน ช่างซ่อม ล้างแอร์ ซื้อของอุปโภคบริโภค “pain ของลูกค้าคือการทำอะไรที่เกี่ยวกับการดูแลบ้านพวกนี้มันเยอะมาก แต่เขาไม่มีเวลาทำ หรือหาคนมาทำให้ไม่ได้ แม้แต่คนอยู่คอนโดฯ จะมีปัญหาเรื่องต้องหิ้วน้ำดื่มหนักๆ ขึ้นห้องเป็นประจำ เราจึงพยายามจะตอบโจทย์นี้” ณัฐพงศ์กล่าว
รู้ใจ Subscription : จัดแพ็กเกจให้คนอยู่อาศัยด้วยบริการต่างๆ เช่น แม่บ้าน ทำสวน ช่างซ่อม ล้างแอร์ ซื้อของอุปโภคบริโภค
โดยแพ็กเกจนำร่องที่จะมีให้ เช่น แพ็กเกจคนอยู่คอนโดฯ แม่บ้าน แถมน้ำแร่และจุลินทรีย์ทำความสะอาด ราคา 1,990 บาทต่อเดือน แพ็กเกจบ้านเดี่ยว แม่บ้านและทำสวน ราคา 2,990 บาทต่อเดือน “ผู้ให้บริการมีทั้งที่เราลงทุนไว้อย่าง Fixzy และพาร์ทเนอร์ เพราะเราทำคนเดียวไม่ได้ อย่างการต่อยอดไปที่การซื้อของเข้าบ้านก็กำลังคุยกับซูเปอร์มาร์เก็ต-รีเทลอยู่ ตอนนี้มองเป้าหมายลูกค้าเริ่มต้นที่ 500 รายก่อน” ทั้งนี้ พาร์ทเนอร์ของรู้ใจ Subscription ที่เข้ามาให้บริการ เช่น De Hygienique, Health at Home, Infinite Landscape, ไดกิ้น, ดุสิตธานี เป็นต้น  

แผนปี 2562 ลุยเปิดคอนโดฯ หรู 4 ทำเล

ด้านแผนการดำเนินงานปี 2562 ณัฐพงศ์กล่าวว่า ปีนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายที่ 1.9 หมื่นล้านบาท (โต 22%) และเป้าหมายรายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท (โต 46%) โดยมีแบ็กล็อก 9,957 ล้านบาท ที่จะโอนในปีนี้ราว 60% การเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งหมด 13 โครงการ มูลค่ารวม 2.27 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9 โครงการ มูลค่า 6.5 พันล้านบาท และโครงการแนวสูง 4 โครงการ มูลค่า 1.62 หมื่นล้านบาท เกือบทั้งหมดจะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง ยกเว้นคอนโดฯ บนที่ดินหลังสวนที่คาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เจาะลึกเซ็กเมนต์ที่จะเปิดตัว ปีนี้โครงการแนวราบจะเน้นกลุ่มราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท 70% ของโครงการที่เปิดใหม่ อีก 30% เป็นโครงการราคาสูงกว่า 8 ล้านบาท เนื่องจากในพอร์ตระหว่างขายขณะนี้ของบริษัทมีโครงการระดับกลางบนถึงลักชัวรีเพียงพอ
ปีนี้โครงการแนวราบจะเน้นกลุ่มราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท 70% ของโครงการที่เปิดใหม่ อีก 30% เป็นโครงการราคาสูงกว่า 8 ล้านบาท
ส่วนคอนโดมิเนียม 4 โครงการ ได้แก่
  • โครงการเดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนซ์ ทำเลห้าแยกลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับ Nishitetsu Group จาก Fukuoka ประเทศญี่ปุ่น ราคาเฉลี่ย 2.3 แสนบาทต่อตร.ม. เปิดตัวเดือนสิงหาคม 2562
  • โครงการเดอะ เครสท์ อโศก เรสซิเดนซ์ ทำเลซอยสุขุมวิท 23 มูลค่าโครงการ 2.5 พันล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.7 แสนบาทต่อตร.ม. เปิดตัวเดือนกรกฎาคม 2562
  • โครงการคอนโดฯ ระดับซูเปอร์ลักชัวรี ทำเลหลังสวน มูลค่าโครงการ 10,500 ล้านบาท คาดเปิดตัวปลายเดือนมิถุนายน 2562 พัฒนาภายใต้บริษัท สโคป จำกัด
  • โครงการทำเลทองหล่อ (ยังไม่เปิดเผยมูลค่าโครงการ) พัฒนาภายใต้บริษัท สโคป จำกัด
ทั้งนี้ คอนโดฯ ระดับลักชัวรีในพอร์ตของเอสซี แอสเสทยังอยู่ระหว่างขายทั้ง 3 โครงการ โดยโครงการพร้อมอยู่ ได้แก่ ศาลาแดง วัน มียอดขายแล้ว 60% บีทนิค สุขุมวิท 32 ยอดขาย 50% ส่วน 28 ชิดลม มียอดขาย 60% (รวมอาคารที่ยังไม่เปิดขาย) โดยโครงการจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ครึ่งปีหลังปีนี้ “ลักชัวรียังขายได้แค่อย่าฝืนธรรมชาติ การปิดการขาย 100% ก่อนตึกเสร็จมันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับตลาดนี้” ณัฐพงศ์กล่าวปิดท้าย