เปิดกลยุทธ์ “เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)” กับเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ 5% เปิดโชว์รูมครบ 100 สาขาในปี 2028 - Forbes Thailand

เปิดกลยุทธ์ “เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)” กับเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ 5% เปิดโชว์รูมครบ 100 สาขาในปี 2028

เกีย คอร์ปอเรชัน ประกาศตั้งบริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ลุยตลาดไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจ วางเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ 5% ในปี 2028 เร่งทำตลาด EV


    จุน โอ อี ประธาน บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับก้าวแรกของการดำเนินงานของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ในการเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แผนกลยุทธ์ Kia Plan S ของเราที่ใช้ในการดำเนินงานทั่วโลก มีรากฐานอยู่บนเสาหลัก 3 ประการ คือ โลก (Planet) ผู้คน (People) และผลกำไร (Profit) เพื่อหล่อเลี้ยงความไว้วางใจ และการมีส่วนร่วมระหว่างพนักงานของเรากับชุมชน

จุน โอ อี ประธาน บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด


    โดยในส่วนของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) เราได้วางแผนการดำเนินงานขององค์กรไว้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของเราสำหรับปี 2024-2028 โดยให้ชื่อว่ากลยุทธ์ ‘Plan S-5’ ซึ่งประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่

    1) ครองส่วนแบ่ง 5% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในไทยภายในปี 2028

    2) เพิ่มการทำตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวให้มีสัดส่วนคิดเป็น 50% ของยอดจำหน่ายทั้งหมดภายในปี 2028

    3) ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบแบรนด์ที่มีการรับรู้สูงที่สุด 5 อันดับแรก

    4) ขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศให้เติบโตขึ้น 5 เท่าตัว หรือมีครบ 100 สาขาในปี 2028

    ณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย เปิดเผยว่า “ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นและขาลงสลับสับเปลี่ยนกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมทั้งตลาดอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 800,000 คัน เนื่องจากเซ็กเมนต์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะมีการเติบโตก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า

ณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย


    อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดรถยนต์ในไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้นในปี 2567 นี้ โดยคาดว่ายอดจำหน่ายจะขยับตัวขึ้นเป็น 850,000-860,000 คันจากอานิสงส์ของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น

    “แบรนด์ใหม่ๆ ตอนนี้เข้ามาด้วยเทคโนโลยีใหม่ ดีไซน์ใหม่ๆ ที่หลากหลาย และราคาที่จับต้องได้ ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อ ตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ อีกส่วนหนึ่งที่มีส่วนต่อการตัดสินใจคือค่าใช้จ่ายของรถยนต์ที่ EV มีค่าใช้จ่ายค่าซ่อมบำรุงน้อยกว่า ทำให้ตอนนี้ปี 2023 ยอดขาย EV ในไทยเติบโตขึ้นมากกว่า 700% HEV ยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 51%


    “วันนี้ลูกค้ามีพฤติกรรมที่ปรับเปลี่ยนไปแล้ว คือ มองหารถที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากกว่ามองเรื่องยี่ห้อ ดังนั้นกลยุทธ์ของเราคือจะต้องมีดีไซน์ที่สวย มีโปรดักต์ครอบคลุมตลาดรถยนต์นั่งทุกเซกเมนต์ และมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้ง EV, PHEV และ HEV

    ขณะที่เราประสบความสำเร็จในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในหลายตลาดทั่วโลก ซึ่งเราจะนำกลยุทธ์นี้เข้ามาใช้ในประเทศไทยด้วย ทำให้เชื่อว่าเราจะไปถึงเป้าหมายสัดส่วน 5% ได้ จากปัจจุบันที่ครองมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ต่ำกว่า 1%”

    สำหรับ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ในปี 2566 เรามีผู้จำหน่าย และศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ 19 แห่ง โดยเราจะเร่งสร้างการเติบโตของยอดขายด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ประเดิมด้วยผู้จำหน่ายใหม่ 10 รายที่จะเข้ามาร่วมงานกับเราในปี 2567 นี้


    นอกจากนี้เรายังยกระดับ กลยุทธ์ด้านบริการของเราอย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริโภคชาวไทย โดยนโยบายใหม่ของเราจะมอบการรับประกันคุณภาพรถเป็นระยะเวลา 7 ปี (หรือ 150,000 กม.) ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป การรับประกันตามมาตรฐานใหม่ของเราจะมาควบคู่กับการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี (หรือ 160,000 กม.) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 7 ปี”

    ฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด ระบุว่า “รถยนต์รุ่น Carnival ของเราที่ใช้งานอยู่บนท้องถนนในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 10,000 คัน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความไว้วางใจในตัวรถยนต์ Carnival และผู้จำหน่ายของเราอย่างมาก ฐานลูกค้าในปัจจุบันของเราจะเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งในการสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ของเราได้เป็นอย่างดี

ฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด


    “เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว เราจึงออกแบบการสื่อสารของเราในประเทศไทย โดยวางตำแหน่งแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ของรถยนต์ ‘Premium Smart’ โดยที่คำว่า ‘Premium’ สื่อถึงการมุ่งส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่ทัชพอยท์แรกทางอินเทอร์เน็ตไปจนถึงทุกๆ ช่องทางที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับแบรนด์ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรวมถึงศูนย์บริการและผู้จำหน่ายของเราด้วย”

    สำหรับกลยุทธ์ ‘Plan S-5’ ที่เกียได้วางเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่าจะขึ้นแท่นเป็นแบรนด์รถยนต์ 1 ใน 5 อันดับแรกในแง่ของการรับรู้แบรนด์ และเพิ่มสัดส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบให้เป็น 50% ล่าสุดเกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ได้ประกาศทำตลาด Kia EV9 รถยนต์เอสยูวีขนาดใหญ่รุ่นแรกในประเทศไทยที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 และ 2 มีนาคมที่จะถึงนี้



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : MGC-ASIA ทุ่ม 120 ล้าน ปรับโฉมโชว์รูม จ.อุบลฯ รองรับตลาดรถยนต์เติบโต

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine