L’Oreal แถลงเติบโตต่อเนื่อง คว้ารางวัลด้านสิ่งแวดล้อม - Forbes Thailand

L’Oreal แถลงเติบโตต่อเนื่อง คว้ารางวัลด้านสิ่งแวดล้อม

FORBES THAILAND / ADMIN
31 Oct 2023 | 11:53 AM
READ 1312

ลอรีอัลแถลงผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง ยอดขาย 3.057 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 12.6% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว เติบโตสองหลักทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เป็นการเติบโตต่อเนื่องทั้งปริมาณและมูลค่า ในทุกแผนก ทั้งยังเดินหน้าช่วยชุมชนที่เปราะบางในการเตรียมความพร้อมและฟื้นตัวจากภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ โดยจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินลอรีอัลสู้ภัยสภาพภูมิอากาศ (L’Oreal Climate Emergency) มูลค่า 15 ล้านยูโร คว้าเหรียญแพลทินัมจากอีโควาดิส (EcoVadis Platinum Medal) ไปครองซึ่งลอรีอัลอยู่ในกลุ่มบริษัท 1% แรกที่มีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมดีที่สุดในโลก


    นายนิโคลา ฮิโรนิมุส (Nicolas Hieronimus) ซีอีโอของลอรีอัล กรุ๊ป แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลประกอบการว่า “ผมภูมิใจมากกับผลการดำเนินงานของทีมงานในช่วง 9 เดือนแรก ตลาดความงามยังคงคึกคักมาก และลอรีอัลสามารถทำผลงานได้เหนือกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกของเรา

    แม้ว่าตลาดความงามในจีนแผ่นดินใหญ่จะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยว (Travel Retail) ในเอเชีย แต่ลอรีอัลยังคงรักษาอัตราการเติบโตในระดับเลขสองหลัก เอาไว้ได้ และเราทำเช่นนั้นได้เพราะการดำเนินงานที่ครอบคลุมกว้างขวางในระดับภูมิภาค แผนงานพัฒนานวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ และความคล่องตัวในการจัดสรรการลงทุนอย่างรวดเร็วไปยังพื้นที่ที่เรามองเห็นการเติบโตสูงสุด

    ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เรายังคงเชื่อมั่นในความสามารถของเราที่จะรักษาผลการดำเนินงานได้เหนือตลาด พร้อมทั้งบรรลุเป้าหมายการเติบโตของยอดขายและผลกำไรได้อีกครั้งในปี 2566 เรามีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดความงาม และยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่จุดหมายสำหรับอนาคต”


สรุปผลการดำเนินงานตามแผนก

ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ

    ในช่วง 9 เดือนแรก แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ (Professional Products Division) เติบโตขึ้น 8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว


    แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพเติบโตเร็วต่อเนื่องไตรมาสต่อไตรมาส และยังคงเติบโตแข็งแกร่งกว่าตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ผู้บริโภคยังคงต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมียมเพื่อตอบสนองกิจวัตรประจำวันที่พิถีพิถัน และด้วยเทรนด์นี้ เคเรสตาส (Kerastase) จึงประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ


ผลิตภัณฑ์อุปโภค

    แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค (Consumer Products Division) มีผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

    แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคทำผลงานแข็งแกร่งกว่าตลาดที่ยังคงคึกคักไม่หยุดนิ่ง และสร้างความก้าวหน้าอย่างสมดุลระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์ และระหว่างมูลค่ากับปริมาณ

    ภูมิภาคที่มีส่วนผลักดันการเติบโตมากที่สุด คือ ยุโรป ด้วยโมเมนตัมที่ยังคงน่าประทับใจ เช่นเดียวกับตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะเม็กซิโก บราซิล และอินเดีย ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นเป็นพิเศษ

    นวัตกรรมพลิกโฉมและเพิ่มมูลค่า ควบคู่ไปกับกิจกรรมกระตุ้นยอดขายที่ประสบความสำเร็จ ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระดับเลขสองหลักในทุกแบรนด์และทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก


ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง

    ในช่วง 9 เดือนแรก แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง (L’Oreal Luxe) เติบโตเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

    ในไตรมาสที่ 3 แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงเติบโตขึ้นในระดับเลขสองหลักทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวในเอเชีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Daigou (ไต้โก้ว) หรือผู้รับหิ้วสินค้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังคงสร้างผลงานเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญและคว้าส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ในตอนแรก


    ผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำหอมทำผลงานโดดเด่นอีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ พาราต็อกซ์ (Paradoxe) โดย พราด้า (Prada) และ บอร์น อิน โรมา (Born In Roma) โดย วาเลนติโน (Valentino) รวมถึงผลิตภัณฑ์เด่นระดับโลกอย่าง ลิเบรอ (Libre) โดย อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent) และ ลา วี เอ แบลล์ (La Vie Est Belle) โดย ลังโคม (Lancome)


ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง

    แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางเติบโตอย่างโดดเด่น 28.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

    แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางรักษาโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง โดยยังคงทำผลงานเหนือกว่าตลาดที่มีพลวัตสูงมากได้อย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากแบรนด์ต่างๆ ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตลอดจนยอดขายผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งทางแผนกครองความเป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน

    ลาโรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผลักดันการเติบโตอันดับหนึ่ง ยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์อย่าง เอฟฟาคลาร์ (Effaclar) ซิคาพลาส (Cicaplast) และยูวีมูน 400 (UVmune 400) ในขณะที่ เซราวี (CeraVe) บรรลุอัตราการเติบโตในระดับเลขสองหลักปลายๆ ทั้งในอเมริกาเหนือและภูมิภาคอื่นทั่วโลก วิชี (Vichy) เติบโตเร็วขึ้นด้วยแรงหนุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เดอคอส (Dercos)



สรุปผลการดำเนินงานตามของภูมิภาค SAPMENA-SSA

    ภูมิภาค SAPMENA-SSA มีผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น 23.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

    ในเอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ (SAPMENA) ที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งนั้น ลอรีอัลยังคงเติบโตในระดับเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากทั้งปริมาณและมูลค่า

    ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และทุกแผนกต่างมีส่วนผลักดันการเติบโต นำโดยผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่งได้รับแรงหนุนจากแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค และแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางซึ่งมี เซราวี เป็นผู้นำ ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องสำอางฟื้นกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด ขณะที่น้ำหอมมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกแบรนด์และทุกประเทศ โดยทุกประเทศในภูมิภาครายงานการเติบโตในระดับเลขสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน นำโดยสามอันดับแรก ได้แก่ ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อินเดีย และไทย

    ขณะที่ในแอฟริกาใต้ซาฮารา (SSA) มีผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นครอบคลุมทุกประเทศ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม



อ่านเพิ่มเติม : Grab ควง 7 พันธมิตรเดินหน้าผลักดันรถ EV พร้อมแนวทางแบ่งเบาภาระคนขับ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine