Grab เผย 6 เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคปี 2566 ชี้ Omnicommerce มาแรง - Forbes Thailand

Grab เผย 6 เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคปี 2566 ชี้ Omnicommerce มาแรง

FORBES THAILAND / ADMIN
18 Dec 2023 | 01:54 PM
READ 1180

แกร็บ ประเทศไทย เผยอินไซต์ผู้ใช้บริการเดลิเวอรีผ่านรายงาน “เทรนด์การสั่งอาหารและของใช้ในบ้านปี 2566” (Food & Grocery Trend Report 2023) โดยได้ศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรีและการสั่งสินค้าควิกคอมเมิร์ซผ่านแพลตฟอร์ม พร้อมสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการทั่วประเทศ พบ 6 เทรนด์มาแรง


    เทรนด์สำคัญคือ ออมนิคอมเมิร์ซ (Omnicommerce) หรือก็คือการที่ผู้บริโภคหันมาใช้แพลตฟอร์มเดลิเวอรีในการเชื่อมต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ท้อนผ่านบริการกินที่ร้าน (Dine-in) และรับเองที่ร้าน (Self Pick-Up) ที่เติบโตขึ้นกว่า 23 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2564

    จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “ปี 2566 ถือเป็นปีที่เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเราเริ่มเห็นผู้บริโภคมีการผสมผสานการใช้ชีวิตนอกบ้านเข้ากับพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น”



    ทั้งยังชี้ว่าผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและพัฒนาบริการเพื่อให้สามารถตอบรับกับพฤติกรรมและบริบทที่เปลี่ยนไป แกร็บได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้พัฒนาบริการต่างๆ และมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อันหลากหลายตลอดปีที่ผ่านมา โดยฟีเจอร์รับเองที่ร้าน (Self Pick-up) เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ

    สำหรับเทรนด์การสั่งอาหารและของใช้ในบ้านปี 2566 ที่จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการเดลิเวอรี ทั้งการสั่งอาหารและการซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน พร้อมสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการแกร็บใน 6 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย พบเทรนด์สำคัญ ดังนี้

    1. ออมนิคอมเมิร์ซ (Omnicommerce) มาแรง : ผู้บริโภคมีการใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารเพื่อเชื่อมต่อกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งสะท้อนผ่าน 2 ฟีเจอร์ที่มาแรง นั่นคือ รับเองที่ร้าน (Self Pick-up) และ กินที่ร้าน (Dine-in) โดยมียอดสั่งซื้อจากทั้งสองฟีเจอร์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เติบโตขึ้นกว่า 23 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564

    ขณะที่ฟีเจอร์รับเองที่ร้านมียอดใช้บริการในไตรมาส 2 ของปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 140% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ 5 โอกาสที่ผู้ใช้บริการนิยมไปทานอาหารนอกบ้าน คือ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ ทานอาหารกับครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง ออกเดท และทานมื้อเที่ยงกับเพื่อนร่วมงาน

    2. การสั่งอาหารแบบกลุ่ม  (Group Order) ครองใจหนุ่มสาวออฟฟิศ :  อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในปีที่ผ่านมาคือการสั่งอาหารแบบกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่มักใช้ฟีเจอร์นี้สั่งอาหารกลางวันมาทานร่วมกันในที่ทำงาน โดยในปีนี้มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  และผู้ใช้บริการมียอดใช้จ่ายต่อออเดอร์เพิ่มขึ้นถึง 2.2 เท่า

    3. แอปพลิเคชันสั่งอาหารกลายเป็นช่องทางสำคัญในการค้นหา (Search) : จากผลสำรวจผู้ใช้บริการพบว่า แอปพลิเคชันสั่งอาหารถือเป็นช่องทางที่คนไทยนิยมใช้ในการค้นหาร้านอาหารมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง (71%) สูงกว่าช่องทางโซเชียลมีเดียหรือแม้แต่เว็บไซต์เสิร์ชเอ็นจิน ขณะที่ 95% ของผู้ใช้บริการแกร็บเลือกค้นหาร้านอาหารหรือร้านค้าใหม่ๆ เพื่อทดลองใช้บริการผ่านเมนูเสิร์ชบนแอปพลิเคชัน Grab

    4. เรตติ้งและรีวิว (Rating & Review) มีอิทธิพลต่อการลองร้านใหม่ : การได้รับคะแนนเรตติ้งที่ดีและมีรีวิวในเชิงบวกมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางเดลิเวอรีให้กับร้านอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเรตติ้งและรีวิวกลายเป็นหนึ่งในสามปัจจัยหลักที่คนไทยใช้ประกอบการตัดสินใจเมื่อต้องการลองสั่งอาหารจากร้านที่ไม่เคยสั่งมาก่อน เพราะช่วยการันตีความนิยมและสร้างความมั่นใจในด้านรสชาติอาหารและบริการของร้านนั้นๆ

    5. แพ็กเกจสมาชิก (Subscription Package) ยังคงได้รับความนิยมและเติบโตต่อเนื่อง : ปัจจุบันผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันหันมาสมัครแพ็กเกจสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเพื่อรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า โดยเฉพาะในกลุ่ม Heavy User หรือผู้ที่มียอดใช้จ่ายสูง โดยผู้ใช้แพ็กเกจสมาชิก GrabUnlimited มียอดใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นกว่าปกติถึง 2.6 เท่า และมีความถี่ในการใช้บริการต่อเดือนเพิ่มขึ้นถึง 2.1 เท่า

    6. ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจรักษ์โลก (Environmentally Conscious) : คนไทยกว่า 36% ยินดีที่จะจ่ายราคาที่สูงขึ้นเพื่อสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม ขณะที่กว่า 97% มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่มีนโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ใช้บริการแกร็บที่เข้าร่วมกิจกรรมชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) เพิ่มมากขึ้น 1.7 เท่า ผ่านการบริจาคเงิน 1 บาทในทุกการสั่งอาหารหรือสินค้าเพื่อนำไปใช้ปลูกต้นไม้

    นอกจากนี้แกร็บยังได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสั่งอาหารและการสั่งซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันของผู้ใช้บริการในประเทศไทยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยพฤติกรรมที่น่าสนใจมีดังนี้


    พฤติกรรมการสั่งอาหารผ่าน GrabFood

    - 5 เมนูที่ผู้ใช้บริการนิยมสั่งมากที่สุดตลอดทั้งปี คือ ส้มตำปูปลาร้า กาแฟดำ ชาเขียวเย็น ลาบหมู ชาไทย

    - เมนูท้องถิ่นยอดนิยมในแต่ละภาค ประกอบด้วย

ภาคเหนือ: ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอยไก่ ไส้อั่ว

ภาคกลาง: กาแฟเย็น คอหมูย่าง ข้าวมันไก่

ภาคอิสาน: ส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู คอหมูย่าง

ภาคใต้: ชาชัก ข้าวหมกไก่ ไก่ทอด

    - 5 เมนูขายดีในช่วงปีใหม่ คือ พิซซ่า หมาล่า ไก่ทอด แซนวิช และเบอร์เกอร์



พฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันผ่าน GrabMart

    - 5 สินค้ายอดนิยมที่ผู้ใช้บริการสั่งตลอดทั้งปี คือ ไข่ไก่ น้ำดื่ม ผักสด นม และน้ำแข็ง

    - 5 สินค้าขายดีในช่วงปีใหม่ คือ กระเช้ารังนก ดอกไม้ เซ็ตผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและเครื่องสำอาง ไอศกรีม และ ขนมขบเคี้ยว


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “มิชลิน ไกด์” ประเทศไทย ปี 2567 เผยรายชื่อ 447 ร้านอาหารอร่อยเจิดจรัสใต้ฟ้าเมืองไทย

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine