ไอท้อปพลัส พัฒนาแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์อัตโนมัติ "ออโต้ดิจิ" ตัวช่วยลงโฆษณา Google - Forbes Thailand

ไอท้อปพลัส พัฒนาแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์อัตโนมัติ "ออโต้ดิจิ" ตัวช่วยลงโฆษณา Google

ไอท้อปพลัส บริษัทบริการออกแบบเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์ เปิดตัวซอฟต์แวร์ ออโต้ดิจิ (Autodigi) แพลตฟอร์มสร้างและปรับแต่งแคมเปญโฆษณา Google แบบอัตโนมัติ ตั้งเป้าเชิญชวนผู้ประกอบการทดลองใช้งานฟรี 500 ราย

กัมพล ธนาปัญญาวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอท้อปพลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ลูกค้าใช้งานเพื่อทำการตลาดออนไลน์ด้วยตนเอง เป็นซอฟต์แวร์การตลาดออนไลน์อัตโนมัติ (Marketing Automation) ในชื่อ ออโต้ดิจิ (Autodigi) ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเทรนด์ใหม่ของการทำการตลาดออนไลน์ในอนาคต

จากการสำรวจอ้างอิงผลจากสำนักวิจัย marketsandmarkets.com คาดการณ์ไว้ว่า ปี 2562 นี้มูลค่าของแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์อัตโนมัติทั่วโลกจะมีมูลค่าราว 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯขณะที่ในไทย จากสถิติของสมาคมโฆษณาดิจิทัล ปี 2561 มีการทำตลาดผ่านสื่อดิจิทัลมูลค่าราว 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 36% และสมาคมฯ ยังคาดการณ์ด้วยว่ามูลค่านี้จะเติบโตปีละ 20% ใน 3-5 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม กัมพลกล่าวว่า มูลค่าการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลของไทยดังกล่าวมีสัดส่วนน้อยมากที่เป็นการทำงานผ่านแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์อัตโนมัติ เนื่องจากแพลตฟอร์มลักษณะนี้ยังเป็นสิ่งใหม่ในประเทศไทย ปัจจุบันส่วนใหญ่ยังคงใช้มนุษย์ในการวางแผนแคมเปญ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างผ่านดิจิทัลเอเจนซี่หรือมีแผนกการตลาดดิจิทัลของตนเอง

โดยซีอีโอไอท้อปพลัสอธิบายว่า แพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์อัตโนมัติ เป็นระบบที่ช่วยคิดแคมเปญและคำนวณความคุ้มค่าของแคมเปญโฆษณากับ Google AdWords ได้อัตโนมัติ จึงไม่จำเป็นต้องใช้บุคลากรจำนวนมากและอาศัยความรู้ความเข้าใจของบุคลากรน้อยลง ตอบโจทย์ในยุคที่บุคลากรด้านนี้ค่อนข้างขาดตลาด

ในต่างประเทศนั้น ระบบเหล่านี้มีการใช้งานมาแล้วประมาณ 2 ปี มีระบบที่เป็นที่รู้จัก เช่น Cobiro, Opteo, Adference ซึ่งมีศักยภาพและข้อดีข้อเสียต่างกันไป ส่วนในไทยนั้นมีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Marketing Automation อยู่ราว 2-3 ราย

กัมพล ธนาปัญญาวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอท้อปพลัส จำกัด

ส่วนไอท้อปพลัสเองซุ่มพัฒนาออโต้ดิจิมา 1 ปีก่อนจะเปิดตัวให้ทดลองใช้ในวันนี้ ลักษณะแพลตฟอร์มจะสามารถแนะนำคีย์เวิร์ดที่ควรใช้ในการโฆษณาได้อัตโนมัติ พร้อมคำนวณราคา bid ที่คุ้มค่าในการทำแคมเปญ และสามารถติด tracking เมื่อต้องการตรวจสอบ conversion ที่เกิดขึ้นได้สะดวก ไม่จำเป็นต้องปรึกษาผู้ดูแลเว็บไซต์ให้จัดการโค้ดดิ้งหลังบ้านซึ่งอาจทำให้การทำงานช้าลง

กัมพลกล่าวว่า ลักษณะการทำงานส่วนใหญ่ของระบบนี้จะพัฒนาตามระบบของต่างประเทศ แต่มีการปรับแต่งให้เข้ากับพฤติกรรมลูกค้าชาวไทยและภาษาไทยมากขึ้น

คนไทยไม่ชอบดูรีพอร์ตยาวๆ ไม่ต้องการอ่านรายละเอียด อีกอย่างคือภาษา ระบบเราแปลงเป็นภาษาไทย และศึกษาเรื่องคีย์เวิร์ดภาษาไทยซึ่งจะยากกว่าภาษาอังกฤษ กัมพลกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาของคนไทยในการทำแพลตฟอร์มนี้ซึ่งมีการสรุปผลแคมเปญให้อ่านและทำความเข้าใจได้รวดเร็ว

ลูกค้าเป้าหมายเราจะเป็นบริษัทต่างๆ ที่มีแผนกการตลาดดิจิทัลของตัวเอง แพลตฟอร์มนี้จะทำให้เขาทำงานง่ายขึ้น

ลักษณะอินเตอร์เฟซระบบออโต้ดิจิของบริษัทไอท้อปพลัส

กัมพลกล่าวว่า คาดว่าจะใช้เวลาพัฒนาซอฟต์แวร์ต่อเนื่องอีก 2 ปีจึงจะทำงานได้สมบูรณ์ ในระหว่างนี้บริษัทจะรับสมัครผู้ประกอบการ 500 รายจาก 33 หมวดธุรกิจ เช่น เกษตรกรรม ที่พัก ยานยนต์ เบเกอรี่ ก่อสร้าง ฯลฯ ให้เข้ามาร่วมทดลองใช้ระบบ ออโต้ดิจิ ผ่านโครงการ Mission to Google Automation Platform

คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมจะต้องมีการทำแคมเปญโฆษณาบน Google AdWords อยู่แล้วและยินดีเชื่อมระบบเข้ากับออโต้ดิจิเพื่อให้บริษัทได้เก็บข้อมูลปัญหาการใช้งาน ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการทำแคมเปญโฆษณา ผู้ประกอบการจะต้องออกค่าใช้จ่ายเองตามปกติ แต่สามารถใช้ระบบออโต้ดิจิได้ฟรี นอกจากนี้ไอท้อปพลัสจะให้สิทธิในโปรแกรมสัมมนาเทรนนิ่งการใช้เครื่องมือของ Google และที่ปรึกษาแคมเปญระยะเวลา 1 ปีให้กับผู้ประกอบการที่ยินดีเข้าร่วม

สำหรับไอท้อปพลัส ปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 250 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายเติบโตปีนี้ที่ 30% จากการขยายทีมขาย และออกผลิตภัณฑ์ใหม่รับสร้างแคมเปญโฆษณาบน Facebook และ Line จากเดิมที่มีผลิตภัณฑ์สองประเภท คือรับจ้างออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ และรับสร้างแคมเปญโฆษณาบน Google รวมไปถึงได้รับอานิสงส์ปัจจัยบวกจากตลาดที่กำลังเติบโต

ออโต้ดิจิยังไม่ทำเงินในปีนี้ แต่ถ้าพัฒนาสำเร็จก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราในอนาคตกัมพลกล่าว

 

Forbes Facts

  • ปัจจุบันรายได้ของไอท้อปพลัสมาจากรับทำเว็บไซต์กับรับสร้างแคมเปญโฆษณา Google อย่างละครึ่ง
  • มีบุคลากรทั้งหมด 30 คน ฐานลูกค้าราว 1 หมื่นราย โดยเน้นผู้ประกอบการ SMEs
  • กัมพลกล่าวว่า ราคาโฆษณากับ Google ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2553 ราคา 1-3 บาทต่อคลิก ปีนี้ขึ้นมาที่เฉลี่ย 20 บาทต่อคลิก แต่ Google พยายามทำให้การใช้จ่ายเงินโฆษณามีประสิทธิภาพขึ้น จากการช่วยแนะนำคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมให้ลูกค้า