ปี 67 ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าอาจพุ่ง 30% BKI คาดปีนี้เบี้ยรับรวมโต 8% มุ่งปรับโครงสร้างหวังโตยั่งยืน - Forbes Thailand

ปี 67 ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าอาจพุ่ง 30% BKI คาดปีนี้เบี้ยรับรวมโต 8% มุ่งปรับโครงสร้างหวังโตยั่งยืน

กรุงเทพประกันภัย มองแนวโน้มราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าปี 67 อาจสูงขึ้น 30% เหตุค่าซ่อมสูง-ควรปรับขึ้นให้สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริง แต่ราคาเบี้ยฯ ที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยให้ภาพรวมเบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้น แม้ยอดขายรถยนต์ปีนี้จะปรับลดลง ขณะที่ปี 2567 นี้ BKI คาดว่าเบี้ยรับรวมจะอยู่ที่ 32,500 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อน พร้อมเดินหน้า BKIH ปรับโครงสร้างธุรกิจ-จัดแผนลงทุน Insurtech


    นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า ในภาพรวมตลาดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% ส่วนหนึ่งเพราะต้นทุนค่าซ่อม ค่าอะไหล่ที่ยังต้องนำเข้า และอัตราการเคลมที่สูงกว่ารถสันดาป จากข้อมูลของ BKI ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบว่า อัตรา Loss ratio ของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ราว 70% สูงกว่าอัตราของรถสันดาปที่ราว 58%

อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย

    ดังนั้น เบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าอาจเห็นการปรับเพิ่มขึ้นเพื่อจะสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงและเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม จากกระแสรถยนต์ EV ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 120,000- 130,000 คัน ซึ่งจะมาช่วยให้ภาพรวมเบี้ยประกันรถยนต์ยังเพิ่มขึ้นได้แม้ยอดขายรถยนต์รวมในปี 2567 จะมีแนวโน้มจะชะลอตัว

    ในส่วนของ BKI ด้านประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ามองว่าเบี้ยประกันภัยต้องสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงมากกว่าเน้นการแข่งขันเรื่องราคา ปัจจุบันทางบริษัทฯ มีเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้ารวม 260-270 ล้านบาท คาดว่าปี 2567 นี้จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 350 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นที่รถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ขึ้น

    ขณะที่ เป้าหมายของ BKI ในปี 2567 นี้คาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 32,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าตลาดประกันวินาศภัยที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัว 5-6% ในภาพรวมตลาดจะเห็นภาพที่ดีขึ้นจากประกันรถยนต์ที่มีแรงสนับสนุนจากกระแสรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนประกันอัคคีภัยยังเติบโตขึ้นจากยอดขายบ้านกลุ่มราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปยังเพิ่มสูงขึ้น และประกันภัยทรัพย์สินที่เบี้ยประกันฯ จะเพิ่มขึ้น 5-10%

    แต่ตลาดประกันวินาศภัยปีนี้ยังต้องจับตาปัจจัยลบใน 3 ด้าน ได้แก่ 
1) มูลค่าการลงทุนภาครัฐที่หดตัวลงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
2) ความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567
3) การส่งออกที่ไม่เติบโตตามศักยภาพเพราะผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

    อย่างไรก็ตาม ปี 2566 ที่่ผ่านมา BKI มีเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 29,915.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% โดยมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,048.8 ล้านบาท ขณะที่ในงบการเงินพบว่า มีกำไรจากการรับประกันภัย 2,070.1 ล้านบาท และมีรายได้สุทธิจากการลงทุน 1,299.5 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ปี 2566 ถือเป็นปีแห่งการพลิกฟื้น หลังจากที่เจอผลกระทบในช่วงปี 2564-2565 ที่ผ่านมา ส่วนปี 2567 นี้ เป็นจังหวะฟื้นฟูทุกภาคส่วน และจะสร้างพื้นฐานเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวผ่านการจัดตั้ง บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในปีนี้ โดยในช่วง 1-2 ปีแรกวางแผนจะลงทุนใน Insurtech 1-2 ธุรกิจในลักษณะการไปร่วมทุน

    ขณะที่พอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ พบว่ามี สินทรัพย์ตามราคาทุนอยู่ที่ 28,900 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนพันธบัตร-ตราสารหนี้ราว 65% และลงทุนในตราสารทุนอีก 35% (สินทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 52,900 ล้านบาทแบ่งเป็นสัดส่วน ตราสารหนี้ 35% ตราสารทุน 65%)


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “โลตัส” เคาะอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ 4 ชุด 2.90-3.56% ต่อปี เปิดให้จองซื้อ 22-24 เมษายน 67
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine