กกร. ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงโตต่ำจากปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่คงเป้า GDP ไทยปี 67 อยู่ที่ 2.8-3.3% - Forbes Thailand

กกร. ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงโตต่ำจากปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่คงเป้า GDP ไทยปี 67 อยู่ที่ 2.8-3.3%

กกร. ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงโตต่ำจากปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งการผลิตและการส่งออก ชูข้อเสนอต่อรัฐบาลให้ SME ต้องเข้าถึงสินเชื่อ-ยกเว้นเก็บภาษีนิติบุคคล 5-7 ปี แต่ยังคงเป้าหมาย GDP ไทยปี 67 อยู่ที่ 2.8-3.3%


    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่าสัญญาณเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง และเศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณบวกที่หนุนการทยอยฟื้นตัว

    นอกจากนี้ทิศทางนโยบายการเงินของประเทศหลัก เช่น อังกฤษ และยุโรป มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจไม่ได้รีบลดดอกเบี้ยเร็วและแรงเหมือนที่นักวิเคราะห์เคยคาดไว้ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีทิศทางผันผวนอ่อนค่า
    ขณะที่ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตได้ในกรอบประมาณการที่ 2.8-3.3% แต่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงสูง และข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของไทยที่ทำให้การส่งออกฟื้นตัวได้ช้าและไม่ทั่วถึง อีกทั้งอุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแอ

    เศรษฐกิจไทยจึงต้องการแรงกระตุ้นเพิ่มเติมจากทั้งนโยบายการคลังในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการกระตุ้นอื่นๆ และนโยบายการเงินซึ่งจะเป็นในรูปของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือการปรับลดค่าธรรมเนียม FIDF อย่างที่เคยทำในอดีต ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการเงินให้กับภาคครัวเรือนและธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
    เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเติบโตต่ำลงจากปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งการผลิตภาคความสามารถในการส่งออกยังไม่สามารถทำได้เต็มศักยภาพ ขณะที่ภาคการผลิตไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวให้สอดรับกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

    ทั้งนี้ ประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เม.ย. 67 ปี 2567 คาดว่า GDP จะอยู๋ที่ 2.8 - 3.3% ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัว 2.0 - 3.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อ 0.7 - 1.2%

    อย่างไรก็ตามมองว่า ปัจยัยเสี่ยงในปีนี้ยังต้องจับตาปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์มีอาจรุนแรงมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยประเทศที่แบ่งขั้วชัดเจนจะหันมาค้ากับประเทศที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่ขัดแย้งกัน ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องหาโอกาสสร้างความได้เปรียบทางการค้า โดยเลือกกลยุทธ์ที่เฉพาะ “เจาะจง” กับบริบทของแต่ละภาคการผลิตในแต่ละตลาดส่งออก ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิตและความเข้มข้นในการแข่งขันในแต่ละอุตสาหกรรม

    กกร. เสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มกลไกในการสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้ามาอยู่ในระบบ โดยส่งเสริมให้จดทะเบียนนิติบุคคล โดยยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ 5-7 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการปรับตัว พร้อมปรับเงื่อนไขและเพิ่มทรัพยากรของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน



Image by brgfx on Freepik



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แสนสิริโชว์ Q1/67 ยอดขาย 1.2 หมื่นล้าน Sold Out รวด 12 โครงการ โกยยอดโอนทะลัก 9,700 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine