ไพรเวทแบงก์ LGT แห่งลิกเตนสไตน์ รุกไทย เจาะกลุ่ม high net-worth - Forbes Thailand

ไพรเวทแบงก์ LGT แห่งลิกเตนสไตน์ รุกไทย เจาะกลุ่ม high net-worth

การเติบโตของตลาดการบริหารความมั่งคั่ง และฐานลูกค้ากลุ่ม high net-worth ของไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูด LGT กลุ่มไพรเวทแบงก์ และการจัดการสินทรัพย์ชั้นนำที่บริหารสินทรัพย์ให้ราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ เลือกไทยเป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งที่ 3 ในเอเชีย ตามหลังแค่  financial hubs  อย่างสิงคโปร์ ฮ่องกงเท่านั้น เจ้าชายฟิลลิพ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตล์ (H.S.H. Prince Philipp von und zu Liechtenstein) ประธานบริษัท LGT และ เจ้าชายฮูเบอร์ตัส อลอยซ์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตล์ (H.S.H. Prince Hubertus Alois von und zu Liechtenstein) กรรมการบริหาร LGT ได้ทรงร่วมในพิธีเปิดสำนักงานในประเทศไทย ภายใต้ชื่อบริษัทหลักทรัพย์ แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการเมื่อเช้าวันนี้ (6 มี.ค 62) พร้อมด้วยทีมคณะผู้บริหารจากในเอเชียและไทย
(กลาง) เจ้าชายฟิลลิพ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตล์ (H.S.H. Prince Philipp von und zu Liechtenstein) และ ผู้บริหารระดับสูง กลุ่มไพรเวทแบงก์ LGT
เอกภพ เมฆกัลจาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า LGT เลือกไทยเป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งที่ 3 ในเอเชียเนื่องจากการเติบโตของตลาดการบริหารความมั่งคั่ง และฐานของกลุ่มลูกค้า high net-worth  หรือผู้มีความมั่งคั่งสูง ที่มีการออมในระดับที่สูง ประกอบกับกฏระเบียบของทางการไทยที่เปิดโอกาสให้ LGT สามารถดำเนินธุรกิจ “บริหารความมั่งคั่งไร้พรมแดน” ให้นักลงทุนไทยได้ ดร. เฮนรี ไลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LGT Private Banking Asia กล่าวว่า LGT เชื่อว่าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชียซึ่งที่ผ่านมามักจะเน้นการลงทุนในธุรกิจของตัวเองและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก จะหันมากระจายสินทรัพย์ผ่านการลงทุนในตลาดทุนและตลาดการเงินมากขึ้น  ทั้งนี้  LGT  จะเน้นช่วยให้คำแนะนำแก่ผู้ลงทุนไทยในการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์นอกประเทศไทย เนื่องจากเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัท ดร.ไลเมอร์กล่าวว่า LGT  มีประสบการณ์ในเอเชียถึง 30 ปีจึงเข้าใจลูกค้าเอเชียเป็นอย่างดี นอกจากนี้การเป็นกลุ่มบริษัทเอกชนนอกตลาดหลักทรัพย์ที่ดำเนินงานด้านไพรเวทแบงก์และการจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้บริษัทมีจุดเด่นที่ใม่เหมือนใครในการทำงานแบบพันธมิตรที่เน้นการทำงานระยะยาวกับลูกค้า และสามารถให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาเพราะไม่มีฝั่งธุรกิจอื่นที่อาจมีความขัดแย้งเชิงผลประโยชน์ ข้อมูลจากทางบริษัทระบุว่า LGT เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำที่ดำเนินงานด้านไพรเวทแบงก์และการจัดการสินทรัพย์ในระดับนานาชาติ ซึ่งบริหารงานโดยราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein Princely Family) มาเป็นเวลานานกว่า 80 ปี โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561 LGT จัดการสินทรัพย์มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.060 แสนล้านฟรังก์สวิส (2.075 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับกลุ่มลูกค้าความมั่งคั่งสูง และลูกค้าระดับองค์กร LGT มีพนักงานมากกว่า 3,000 คน ในสำนักงานมากกว่า 20 แห่งในยุโรป เอเชีย อเมริกา และเอเชียตะวันออกกลาง “LGT ยังดูแลทรัพย์สินของราชวงศ์ด้วย ดังนั้นการมีส่วนได้ส่วนเสียของเงินเจ้าของและลูกค้าทำให้วิธีการบริหารเป็นไปได้อย่างดี” เอกภพกล่าวเสริม